ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 10 ต.ค. 66
เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 10 ต.ค. ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้เข้าร่วม “พิธีฉลองวาระครบรอบ 112 ปีแห่งวันชาติ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน)” ณ จัตุรัสหน้าทำเนียบประธานาธิบดี พร้อมนี้ ปธน.ไช่ฯ ยังได้กล่าวสุนทรพจน์ภายใต้หัวข้อ “ไต้หวันที่เปี่ยมด้วยความเยือกเย็นและมั่นใจ พาประเทศชาติก้าวไปข้างหน้า และทำให้โลกดีขึ้นกว่าเดิม” (A calm and confident Taiwan: Moving our country forward, making the world a better place)
สุนทรพจน์ของปธน.ไช่ฯ มีสาระสำคัญ ดังต่อไปนี้
1. ไม่พัฒนาต่อไปข้างหน้าก็เท่ากับก้าวถอยหลัง ไม่ต่อสู้อย่างมุ่งมั่นก็จะถูกผู้อื่นลิขิตโชคชะตา
เมื่อเดือนที่แล้ว “เรือดำน้ำลำแรกที่ผลิตในไต้หวัน” ที่มีนามว่า “Narwhal class Submarine” ได้ถูกปล่อยลงน้ำเพื่อทำการทดสอบขั้นแรกแล้ว โดยมีกำหนดการเปิดใช้งานอย่างเป็นทางการในปี 2025 หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการทดสอบทั้งหมด โดยภารกิจเรือดำน้ำที่ผลิตในไต้หวันเป็นความฝันร่วมกันของประธานาธิบดีทุกพรรคในทุกยุคสมัย ตลอดระยะเวลากว่า 30 ปี ซึ่งขณะนี้ พวกเราทำสำเร็จแล้ว ส่งผลให้อุตสาหกรรมกลาโหมที่พึ่งพาตนเอง ก้าวไปข้างหน้าอีกขั้นอย่างยิ่งใหญ่ ศักยภาพทางกลาโหมของกองทัพไต้หวันที่ขาดความสมดุล ได้รับการยกระดับไปสู่อีกขั้น ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของไต้หวันในการปกป้องความมั่นคงของสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) โดยปธน.ไช่ฯ เชื่อว่า ประชาคมโลกจะให้การยอมรับต่อเรือดำน้ำ Narwhal class Submarine ที่มุ่งปฏิบัติภารกิจเพื่อปกป้องสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคอย่างแน่นอน
สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงจิตวิญญาณที่ยืนหยัดอยู่อย่างมั่นคงของไต้หวันตลอด 74 ปีนับตั้งแต่ที่สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ย้ายมาตั้งถิ่นฐานในไต้หวัน เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ระหว่างประเทศและความท้าทายที่เต็มไปด้วยวิกฤตที่ผกผัน หากพวกเราไม่เดินหน้าก็เท่ากับเป็นการถอยหลัง หากไม่ต่อสู้อย่างมุ่งมั่น ก็ไม่สามารถกำหนดอนาคตและโชคชะตาของตนเองได้
2. ขอบคุณประชาชนชาวไต้หวันที่ร่วมบรรลุการปฏิรูป ท่ามกลางสถานการณ์ที่เปี่ยมด้วยความท้าทายที่ยากลำบาก
ตลอดระยะเวลากว่า 7 ปีกว่ามานี้ สถานการณ์การเมืองและเศรษฐกิจในระดับสากลและภูมิภาค มีความสลับซับซ้อนเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับสถานการณ์โรคระบาดที่รุนแรงที่สุดในรอบร้อยปี และการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศที่มีความแปรปรวนขั้นสุด ได้ส่งผลกระทบต่อความยืดหยุ่นในการบริหารปกครองของรัฐบาลในกลุ่มประเทศประชาธิปไตยครั้งแล้วครั้งเล่า อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อพื้นฐานความเชื่อมั่นของผู้คนในสังคมประชาธิปไตย
กฎหมายว่าด้วยการสมรสเพศเดียวกันในไต้หวัน ผ่านการลงมติมาเป็นเวลากว่า 4 ปีแล้ว ปธน.ไช่ฯ จึงได้ใช้โอกาสนี้ขอบคุณต่อการยอมรับของผู้คัดค้าน ที่ร่วมส่งเสริมให้ไต้หวันเป็นที่จับตามองของประชาคมโลก
ปธน.ไช่ฯ ยังขอขอบคุณข้าราชการ ทหารและครูอาจารย์สำหรับความเข้าใจในการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบว่าด้วยเงินบำนาญ เพื่อทำให้งบประมาณประจำปีได้รับการส่งเสริมให้มีสภาพคล่องอย่างยั่งยืน โดยพวกเราได้มุ่ง “ปฏิรูปงบประมาณประจำปี” ที่ในอดีตไม่สามารถทำได้จนสำเร็จลุล่วง เพื่อวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมสภาพคล่องด้านการเงิน ให้สามารถนำไปใช้ดูแลคนรุ่นหลังต่อไปได้อย่างราบรื่น
นอกจากนี้ ปธน.ไช่ฯ ยังขอบคุณความเข้าใจของกลุ่มแรงงาน แม้ว่าพวกเราจะยังไม่ได้บรรลุก้าวสุดท้ายของการปฏิรูปงบประมาณประจำปี อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา พวกเราได้ทยอยจัดสรรงบประมาณทั้งหมด 267,000 ล้านเหรียญไต้หวัน เพื่ออุดหนุนกองทุนประกันภัยแรงงาน ปธน.ไช่ฯ คาดหวังว่า การปฏิรูปงบประมาณของกองทุนประกันภัยแรงงานในลำดับขั้นต่อไป จะสามารถบรรลุฉันทามติ และก้าวต่อไปข้างหน้าได้อย่างมีเสถียรภาพ บนพื้นฐานการคลังที่มีเสถียรภาพและมีการเสวนาในสังคมอย่างสันติ
พร้อมกันนี้ พวกเรายังได้ปรับอัตราเงินเดือนขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลาตลอด 8 ปี ซึ่งที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ภาครัฐได้ยื่นเสนอญัตติ “ร่างกฎหมายค่าตอบแทนขั้นต่ำสุด” บนพื้นฐานประสบการณ์ที่สั่งสมมา ก่อนจะยื่นต่อให้สภานิติบัญญัติทำการพิจารณาเป็นลำดับต่อไป ปธน.ไช่ฯ ไม่เคยลืมคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ในด้านการดูแลแรงงานอย่างทั่วถึง
ปธน.ไช่ฯ ยังจำได้ว่า ในช่วงที่เข้ารับตำแหน่งผู้นำไต้หวัน อัตราการสำรองไฟฟ้าของไต้หวัน ต่ำสุดอยู่ที่ 1.64% แต่ตลอดระยะเวลา 7 ปีกว่ามานี้ พวกเรามุ่งมั่นยกระดับระบบการผลิตพลังงาน ควบคู่ไปกับการผลักดันการเปลี่ยนผ่านของพลังงาน โดยในปีที่แล้ว ปริมาณการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสีเขียว มีสัดส่วนแซงหน้าพลังงานนิวเคลียร์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในปัจจุบัน เนื่องด้วยปัจจัยความเข้มของพลังงานแสงอาทิตย์ และอุณหภูมิอากาศในพื้นที่ค่อนข้างสูง จึงไม่ต้องกังวลเรื่องการขาดแคลนพลังงานไฟฟ้าในช่วงครึ่งวันหลัง ส่วนในช่วงเย็นหลังเลิกงาน อัตราการสำรองไฟฟ้าของไต้หวันสามารถคงที่อยู่ที่สัดส่วนร้อยละ 7 - 10%
ที่ผ่านมาพวกเราต้องวิ่งแข่งกับเวลา ฝ่าฝันทุกอุปสรรค เพื่อมุ่งบรรลุการเปลี่ยนผ่านของพลังงาน เมื่อเผชิญหน้ากับเป้าหมาย “การเปลี่ยนผ่านสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ในปี 2050” ที่ทั่วโลกต่างทยอยยื่นเสนอและแสวงหาแนวทางการรับมือ ไต้หวันได้เร่งพัฒนาพลังงานหมุนเวียน โครงสร้างระบบกักเก็บพลังงาน และการเสริมสร้างความยืดหยุ่นของข่ายการจ่ายไฟฟ้าอย่างกระตือรือร้นเสมอมา
3. ไต้หวันมุ่งพัฒนาศักยภาพความมั่นคงตลอดระยะเวลา 7 ปี ส่งผลให้ไต้หวันก้าวขึ้นสู่การเป็นไต้หวันของประชาคมโลก
นอกจากการผลักดันการปฏิรูปแล้ว ตลอด 7 ปีมานี้ พวกเรายังมุ่งพัฒนาระบบเศรษฐกิจ เสริมสร้างศักยภาพด้านความมั่นคง ดูแลภาคประชาชน สร้างหลักประกันด้านความมั่นคงของประเทศ รักษาเสถียรภาพความสัมพันธ์ระหว่างช่องแคบไต้หวัน ตลอดจนแสวงหาพลังสนับสนุนจากประชาคมโลก ภายใต้สถานการณ์ระหว่างประเทศและสถานการณ์สองฝั่งช่องแคบไต้หวัน ที่มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างผกผันและรวดเร็ว
ภายใต้ความมุ่งมั่นพยายามของประชาชนทั่วประเทศ ตลอด 7 ปีมานี้ นอกจากระบบเศรษฐกิจของไต้หวันจะแสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นที่ยิ่งใหญ่แล้ว ยังเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนการปรับโครงสร้างห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกอีกด้วย จึงจะเห็นได้ว่า ความมั่นคงของไต้หวัน มีความแข็งแกร่งกว่าที่ผ่านมา
ผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ (GDP) ของพวกเรา ขยายตัวเติบโตขึ้นจาก 17.5 ล้านล้านเหรียญไต้หวันในช่วงที่ปธน.ไช่ฯ เพิ่งเข้ารับตำแหน่ง มาจวบจนปัจจุบัน ซึ่งคาดว่าจะสามารถบรรลุ 23 ล้านล้านเหรียญไต้หวันในปีนี้ ประกอบกับหลายปีมานี้ ทั่วโลกต่างประสบกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและภาวะเงินเฟ้อ แต่ไต้หวันกลับสามารถพยุงให้อัตราค่าเฉลี่ยด้านการขยายตัวทางเศรษฐกิจในช่วงเวลาที่ผ่านมา มีระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยโดยรวมระดับสากล จนกลายเป็นผู้นำของสี่เสือเศรษฐกิจแห่งเอเชีย อีกทั้งยังสามารถรักษาเสถียรภาพค่าครองชีพได้ดีกว่าหลายประเทศที่อยู่รายรอบ
ระบบการคลังของพวกเราก็มีเสถียรภาพที่ดี อันจะเห็นได้จากการที่มียอดเงินคงคลังที่เป็นบวก ติดต่อกันเป็นระยะเวลา 6 ปี โดยรัฐบาลได้แบ่งปันสู่ภาคประชาชนอย่างทั่วถึง ผ่านการแจกจ่ายคูปองซื้อสินค้าเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ช่วยลดทอนภาระค่าใช้จ่ายในวิถีชีวิตประจำวันด้วยมาตรการต่างๆ อาทิ การแจกเงินสด บัตรโดยสาร TPASS การขยายขอบเขตเงินอุดหนุนในการเช่าบ้าน นอกจากนี้ พวกเรายังมุ่งเสริมสร้างการพัฒนาพื้นที่ในเมือง – ชนบทให้เกิดความสมดุล ขยายขอบเขตการลงทุนเพื่อยกระดับการเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรม สำหรับผู้ประกอบการรัฐวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs)
นอกจากนี้ พวกเรายังมุ่งผลักดัน “ยุทธศาสตร์ 6 อุตสาหกรรมหลัก” และทุ่มงบประมาณเพื่อโครงสร้างพื้นฐานทางสาธารณูปโภค ควบคู่ไปกับการชักจูงให้ภาคอุตสาหกรรมไต้หวัน เร่งบรรลุการปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ โดยเฉพาะศักยภาพทางเทคโนโลยีและศักยภาพการผลิตที่แข็งแกร่ง ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมให้ไต้หวันก้าวสู่บทบาทที่ไม่สามารถขาดได้ ในการปรับโครงสร้างห่วงโซ่อุปทานระดับโลก
นอกจากนี้ พวกเรายังได้เร่งปรับปรุงแก้ไขสถานการณ์การพึ่งพาการส่งออกไปยังตลาดเดียว ส่งผลให้มูลค่าการส่งออกของไต้หวันไปสู่สหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้นสองเท่า ประกอบกับเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมานี้ ไต้หวัน - สหรัฐฯ ได้ร่วมลงนามความตกลงฉบับแรก ภายใต้ “แผนริเริ่มทางการค้าไต้หวัน-สหรัฐฯ แห่งศตวรรษที่ 21” ซึ่งเป็นความตกลงทางการค้าภายใต้แนวคิดสร้างสรรค์และนำหน้าทุกประเทศทั่วโลก
ตลอดระยะเวลากว่า 7 ปีแห่งความมุ่งมั่นพยายาม มูลค่าการค้าส่งออกสู่กลุ่มประเทศเป้าหมายตามนโยบายมุ่งใต้ใหม่ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยพวกเรายังมุ่งเสริมสร้างความเชื่อมโยงกับกลุ่มประเทศยุโรป ส่งผลให้ในปัจจุบันสหภาพยุโรป (EU) ได้ก้าวสู่การเป็นแหล่งเงินลงทุนจากต่างประเทศอันดับ 1 ของไต้หวัน จึงจะเห็นได้ว่า พวกเราอาศัยศักยภาพทางเศรษฐกิจ พิสูจน์ให้ประชาคมโลกประจักษ์เห็นถึงความสำคัญของไต้หวันที่ไม่มีใครจะมาทดแทนได้
นับตั้งแต่ปี 2016 เป็นต้นมา รัฐบาลภายใต้การนำของปธน.ไช่ฯ ยังคงมุ่งมั่นปฏิบัติภารกิจตามคำมั่นที่ให้ไว้ต่อภาคประชาชน พร้อมทั้งธำรงรักษาสถานภาพเดิมในปัจจุบัน โดย 4 หลักการที่พวกเรายึดมั่นเสมอมาคือ ไม่ยั่วยุ ไม่บุ่มบ่าม ไม่ยอมจำนนแม้จะอยู่ภายใต้แรงกดดัน พร้อมทั้งมุ่งมั่นเสริมสร้างความร่วมมือเชิงลึกกับกลุ่มประเทศประชาธิปไตย ตลอดจนร่วมรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค และเป็นพลังแห่งความดีในการอุทิศคุณประโยชน์ให้แก่ประชาคมโลกต่อไป
ระยะนี้ จีนประสบกับอุทกภัยจากการที่ฝนตกหนักอันเนื่องมาจากพายุไต้ฝุ่น พวกเราชาวไต้หวันจึงร่วมแสดงความห่วงใยทางมนุษยธรรม โดยที่เรายังยื่นมือให้ความช่วยเหลือด้านการกู้ภัยในเหตุแผ่นดินไหวในตุรกี หลังการปะทุขึ้นของสงครามรัสเซีย - ยูเครน พวกเรายืนหยัดเคียงข้างยูเครนอย่างหนักแน่น แน่นอนว่า เราไม่มีทางลืมว่าในระหว่าง 3 ปีแห่งสถานการณ์โรคระบาดที่ผ่านมา พันธมิตรด้านประชาธิปไตยต่างให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน จนเกิดเป็น “วัฏจักรแห่งความดี”
แม้ว่าอุปสรรคระหว่างทางจะคงอยู่อย่างไม่สิ้นสุด แต่พวกเราก็ไม่หยุดยั้งในการก้าวเดินเข้าสู่สังคมโลก อันจะเห็นได้จากความสัมพันธ์อันดีระหว่างไต้หวัน – ญี่ปุ่น ที่เป็นไปอย่างหนักแน่นไม่สั่นคลอน ความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งดุจหินผา ประเทศพันธมิตรของไต้หวันและกลุ่มประเทศที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกัน ต่างก็ร่วมเป็นกระบอกเสียงให้ไต้หวันในเวทีนานาชาติ รวมไปถึงกลุ่มเยาวชนรุ่นใหม่จากนานาประเทศทั่วโลก ที่เชื่อมโยงสู่ไต้หวันผ่าน “Viva Taiwan” ในสื่อโซเชียลมีเดีย
ผลสัมฤทธิ์ด้านประชาธิปไตยของไต้หวัน ก้าวสู่ต้นแบบของประชาคมโลก การคงอยู่อย่างเข้มแข็งของไต้หวัน เป็นบทพิสูจน์ที่แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาอย่างยั่งยืนของประชาธิปไตยทั่วโลก รวมถึงความมั่นคงและความเจริญรุ่งเรืองของไต้หวัน
4. ความมุ่งมั่นตั้งใจที่แน่วแน่ สร้างหลักประกันด้านสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง
ไต้หวันในปัจจุบันเป็นไต้หวันของประชาคมโลก พวกเราพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ไม่ว่าจะเป็นกลยุทธ์เชิงภูมิรัฐศาสตร์ การพัฒนาประชาธิปไตยทั่วโลก หรือระบบห่วงโซ่อุปทานระหว่างประเทศ พวกเราถือเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือที่พึ่งพาได้ มีประสิทธิภาพและมีความมั่นคงมากที่สุดในโลก พลังสนับสนุนที่ได้จากประชาคมโลก นับวันยิ่งแข็งแกร่งและสามัคคีมากยิ่งขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ไต้หวันในขณะนี้ ก้าวเดินสู่เวทีโลกอย่างมีความมั่นใจ โดยที่เรายังสามารถเผชิญหน้ากับจีนได้อย่างมิหวั่นเกรง เพื่อสร้างเงื่อนไขของการคงอยู่ร่วมกันอย่างสันติในช่องแคบไต้หวัน และการพัฒนาในภายภาคหน้าต่อไป
ในฐานะผู้นำประเทศ หน้าที่ของข้าพเจ้าคือ การธำรงรักษาอำนาจอธิปไตยของประเทศชาติ และรักษาวิถีชีวิตแห่งประชาธิปไตยและเสรีภาพของประชาชนชาวไต้หวันจำนวน 23 ล้านคน ควบคู่ไปกับการแสวงหาแนวทางการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนเป็นไปอย่างมีเสรีภาพไร้ข้อจำกัด สามารถไปมาหาสู่กันอย่างไม่มีข้อกังขาใดๆ ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมให้ไต้หวันและสองฝั่งช่องแคบไต้หวัน ก้าวสู่การเป็นผู้อุทิศคุณประโยชน์ด้านสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค
ปธน.ไช่ฯ เน้นย้ำอีกครั้งว่า “สันติภาพเป็นตัวเลือกเดียวในความสัมพันธ์สองฝั่งช่องแคบไต้หวัน โดยการธำรงรักษาสถานภาพเดิมในปัจจุบันเป็นความเห็นพ้องร่วมกันของทุกฝ่าย และถือเป็นกุญแจสำคัญในการบรรลุหลักประกันด้านสันติภาพ”
โดยเฉพาะในขณะนี้ ประชาคมโลกต่างตระหนักดีว่า สันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวันเป็นปัจจัยสำคัญที่ไม่สามารถขาดได้ในด้านความมั่นคงและความเจริญรุ่งเรืองในประชาคมโลก จึงไม่สมควรมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทำการเปลี่ยนแปลงสถานภาพเดิมในปัจจุบันอย่างฉาบฉวย ความขัดแย้งระหว่างสองฝั่งช่องแคบไต้หวัน ต้องแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธี
5. ประเทศชาติมุ่งไปข้างหน้า ทั่วโลกดียิ่งขึ้นเพราะมีไต้หวัน
สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ในปัจจุบันเป็นฉันทามติร่วมกันของประชาชนชาวไต้หวันจำนวน 23 ล้านคน โดยฉันทามตินี้หลอมรวมประวัติศาสตร์ของทุกกลุ่มชนเข้าไว้ด้วยกัน รวมไปถึงการตระหนักรู้ถึงการร่วมทุกข์ร่วมสุขตลอด 74 ปีที่ผ่านมา ซึ่งแสดงให้เห็นว่า พวกเราจะเดินเข้าใกล้กันยิ่งขึ้นเพื่อความสามัคคี เพื่อปกป้องประเทศชาติและเพื่อธำรงรักษาวิถีชีวิตแห่งประชาธิปไตยและเสรีภาพ ตามที่ทุกฝ่ายเห็นพ้องร่วมกัน
ประชาธิปไตยของไต้หวันเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภายใต้แรงกดดันทั้งในและต่างประเทศ ส่งผลให้เกิดเป็นความทรหดในปัจจุบัน การปกป้องประชาธิปไตยของไต้หวัน จึงเปรียบเสมือนป็นการปกป้องประชาธิปไตยภายใต้ค่านิยมสากล
จาก 10 ต.ค. 66 Taiwan Today