此網頁需要支援 JavaScript 才能正確運行,請先至你的瀏覽器設定中開啟 JavaScript。

This webpage requires JavaScript to function properly. Please enable JavaScript in your browser settings.

Cette page web nécessite JavaScript pour fonctionner correctement. Veuillez activer JavaScript dans les paramètres de votre navigateur.

Esta página web requiere JavaScript para funcionar correctamente. Por favor, habilite JavaScript en la configuración de su navegador.

Diese Webseite benötigt JavaScript, um ordnungsgemäß zu funktionieren. Bitte aktivieren Sie JavaScript in Ihren Browser-Einstellungen.

Для корректной работы этой веб-страницы требуется поддержка JavaScript. Пожалуйста, включите JavaScript в настройках вашего браузера.

このウェブページを正常に動作するにはJavaScriptが必要です。ブラウザの設定でJavaScriptを有効にしてください。

이 웹 페이지는 올바르게 작동하려면 JavaScript가 필요합니다. 브라우저 설정에서 JavaScript를 활성화하십시오.

Tato webová stránka vyžaduje pro svůj správný chod podporu JavaScriptu. Prosím, povolte JavaScript v nastavení vašeho prohlížeče.

Ez a weboldal a megfelelő működéshez JavaScript támogatásra szorul. Kérjük, engedélyezze a JavaScript használatát a böngészőjében.

Questa pagina web richiede JavaScript per funzionare correttamente. Si prega di abilitare JavaScript nelle impostazioni del browser.

Šī tīmekļa lapa darbībai ir vajadzīgs JavaScript atbalsts. Lūdzu, ieslēdziet JavaScript savā pārlūkprogrammas iestatījumos.

Esta página da web requer JavaScript para funcionar corretamente. Por favor, ative o JavaScript nas configurações do seu navegador.

Deze webpagina vereist JavaScript om correct te functioneren. Schakel JavaScript in uw browserinstellingen in.

Ta strona wymaga obsługi JavaScript, aby działać prawidłowo. Proszę włączyć obsługę JavaScript w ustawieniach przeglądarki.

Laman web ini memerlukan JavaScript untuk berfungsi dengan betul. Sila aktifkan JavaScript dalam tetapan pelayar anda.

Halaman web ini memerlukan JavaScript untuk berfungsi dengan baik. Harap aktifkan JavaScript di pengaturan browser Anda.

เว็บไซต์นี้ต้องการ JavaScript เพื่อทำงานอย่างถูกต้อง โปรดเปิด JavaScript ในการตั้งค่าบราวเซอร์ของคุณ

Bu web sayfasının düzgün çalışması için JavaScript gereklidir. Lütfen tarayıcı ayarlarınızda JavaScript'i etkinleştirin.

Trang web này yêu cầu JavaScript để hoạt động đúng. Vui lòng kích hoạt JavaScript trong cài đặt trình duyệt của bạn.

Эн вэб хуудас нь зөв ажиллахын тулд JavaScript дэмжлэг авах шаардлагатай. Таны броузерын тохиргоонд JavaScript-ийг идэвхжүүлнэ үү.

ဒီဝန်ဆောင်မှုစာမျက်နှာကိုမှားယွင်းရန် JavaScript ကိုလိုအပ်ပါ။ သင့်ရဲ့ဘောဒီကိုပြင်ဆင်ရန် JavaScript ကိုဖွင့်ပါ။

ບໍ່ສາມາດເຮັດວຽກເວັບໄຊນີ້ໄດ້ຖ້າບໍ່ມີການສະຫລັບ JavaScript. ກະລຸນາໃຊ້ການຕັ້ງຄ່າຂອງເວັບໄຊໃຫ້ເປີດ JavaScript ກ່ອນ.

ទំព័រវេបសាយនេះត្រូវការ JavaScript ដើម្បីដំណើរការប្រើប្រាស់បានល្អ។ សូមបើក JavaScript នៅក្នុងការកំណត់របស់អ្នកក្នុងក

  สุนทรพจน์ของปธน.ไช่อิงเหวิน เนื่องในวันขึ้นปีใ... - สำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย Taipei Economic and Cultural Office in Thailand :::
:::

สุนทรพจน์ของปธน.ไช่อิงเหวิน เนื่องในวันขึ้นปีใหม่ 2567

ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 1 ม.ค. 67

เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 1 ม.ค. ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้กล่าวสุนทรพจน์เนื่องในวันขึ้นปีใหม่ 2567 ณ อาคารทำเนียบประธานาธิบดี โดยปธน.ไช่ฯ แถลงว่า ในปีนี้เป็นปีสุดท้ายในวาระ 8 ปีที่ข้าพเจ้าดำรงตำแหน่งเป็นผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ตลอดระยะเวลา 8 ปีมานี้ ไต้หวันได้รักษาคำมั่นสัญญา ด้วยการคงไว้ซึ่งสถานภาพเดิมในปัจจุบัน ควบคู่ไปกับการยืนหยัดในหลักแห่งประชาธิปไตย ปกป้องสันติภาพ โดยรัฐบาลได้มุ่งมั่นเสริมสร้างแสนยานุภาพทางกลาโหม ลดภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของประชาชน และมุ่งสร้างความเจริญรุ่งเรือง ดูแลประชาชน พร้อมทั้งแสวงหาแนวทางกระจายความเสี่ยง วางรากฐานทางธุรกิจทั่วโลก เพื่อเสริมสร้างความยืดหยุ่นและยืนหยัดอยู่บนเวทีประชาคมโลกอย่างหนักแน่น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อคงไว้ซึ่งความเป็น “ไต้หวันของโลก” ซึ่งไต้หวันในขณะนี้ เป็นไต้หวันที่ทั่วโลกต่างรู้จัก และเป็นไต้หวันที่สามารถดึงดูดประชาคมโลก ตลอดจนยังเป็นไต้หวันที่ได้รับการยอมรับจากนานาประเทศทั่วโลกอีกด้วย

สาระสำคัญของสุนทรพจน์ มีดังนี้ :
เนื่องในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ ข้าพเจ้าขออวยพรให้ทุกคนประสบแต่ความสุขตลอดทั้งปีนี้ ข้าพเจ้ายังจำได้ว่า ณ ช่วงเวลานี้ของปีที่แล้ว ข้าพเจ้าเคยกล่าวไว้ว่า พวกเราอาจต้องเผชิญหน้ากับภาวะเงินเฟ้อและภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจหลังยุคโควิด – 19 ประกอบกับสงครามรัสเซีย – ยูเครนที่ยังคงดำเนินอยู่อย่างไม่สิ้นสุด รวมไปถึงความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล - ฮามาส ที่ยังคงปะทุขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตลอดระยะเวลากว่า 8 ปีที่ผ่านมา ระเบียบแบบแผนทั่วโลกต้องประสบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ที่ร้ายแรงที่สุดในรอบร้อยปี และสร้างความท้าทายต่อความเชื่อมั่นระหว่างผู้คนในประชาคมโลก อีกทั้งยังเป็นการทดสอบการให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมระหว่างมิตรประเทศ นอกจากนี้ ยังมีตัวแปรที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ ที่ส่งผลกระทบต่อความทรหดและศักยภาพด้านการรับมือของรัฐบาลทั่วโลก

ความขัดแย้งระหว่างประชาธิปไตย เสรีภาพ และลัทธิเผด็จการ นอกจากจะส่งผลต่อเสถียรภาพทางภูมิรัฐศาสตร์ทางการเมืองแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อการปรับโครงสร้างห่วงโซ่อุปทานระหว่างประเทศอีกด้วย

ตลอดระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมา ไต้หวันพลิกโฉมหน้าจากเดิมอย่างเด่นชัด สิ่งที่แตกต่างไปจากเดิมคือ ไต้หวันไม่ได้ถูกละเลยอีกต่อไป อันจะเห็นได้จากประชาชนจำนวน 23.5 ล้านคนต่างมีส่วนร่วมในกลไกการเปลี่ยนแปลงของโลก และเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงระดับโลก

หากถามว่า Key Word สำคัญตลอด 8 ปีที่ผ่านมาของไต้หวันคืออะไร คำตอบของข้าพเจ้าคือ “โลก” และหากตลอด 8 ปีที่ผ่านมานี้ ปัจจัยใดที่สำคัญสำหรับประชาคมโลก ข้าพเจ้าเชื่อว่าจะมี “ไต้หวัน” รวมอยู่ในนั้นด้วยอย่างแน่นอน

นอกจาก “เครื่องบินฝึกไอพ่นสมรรถนะสูงรุ่นใหม่ T-5 Brave Eagle” ที่มีการผลิตออกมาเป็นจำนวนกว่า 27 ลำแล้ว ในช่วงที่ผ่านมา ยังได้มีการจัดพิธีเปิดตัวเรือดำน้ำที่มีนามว่า “Narwhal class Submarine” จึงจะเห็นได้ว่า พวกเราได้มุ่งดำเนินการปฏิรูปทางกลาโหมอย่างครอบคลุม ตั้งแต่การพิจารณาทบทวนแผนยุทธศาสตร์การป้องกันประเทศ การยกระดับความทันสมัยของอาวุธยุทโธปกรณ์ การจัดตั้งระบบการป้องกันประเทศโดยภาคประชาชน ไปจนถึงการเสริมสร้างกลไกการฝึกอบรมทางการทหาร ซึ่งการปฏิรูปนี้กำลังเดินหน้าไปอย่างเต็มที่

ปัจจุบัน “ไต้หวันช่วยได้” (Taiwan can help) ถือเป็นแผนปฏิบัติการที่ได้รับการยอมรับจากประชาคมโลก เมื่อใดที่ประชาคมโลกมีความต้องการ พลังความช่วยเหลือจากไต้หวันจะเคียงข้างอยู่เสมอ ในระหว่างที่ไต้หวันแสวงหาความร่วมมือระหว่างประเทศจากนานาประเทศทั่วโลก พวกเราก็คาดหวังที่จะเห็นสองฝั่งช่องแคบไต้หวันแสดงความรับผิดชอบร่วมกัน เพื่อฟื้นฟูการแลกเปลี่ยนที่เป็นไปอย่างมีระเบียบแบบแผน และคาดหวังที่จะเห็นทั้งสองฝ่ายแสวงหาแนวทางการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ภายใต้หลักการความเท่าเทียม ประชาธิปไตยและการเจรจาอย่างสันติ

งบประมาณทางกลาโหมประจำปีนี้ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 600,700 ล้านเหรียญไต้หวัน โดยข้าพเจ้าขอเน้นย้ำว่า สันติภาพต้องเกิดจากความตั้งมั่นของจิตใจที่ดีงาม และต้องอาศัยศักยภาพการป้องกันตัวเป็นส่วนเสริม การแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นด้านการป้องกันประเทศด้วยการพึ่งพาตนเอง ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการปกป้องไต้หวันร่วมกันของประชาคมโลก และเป็นการมุ่งธำรงรักษาสันติภาพและเสถียรภาพของช่องแคบไต้หวัน ให้คงอยู่อย่างยั่งยืน

ตลอดระยะเวลา 8 ปีมานี้ พวกเรามุ่งเสริมสร้างศักยภาพการป้องกันประเทศ ลดภาระค่าใช้จ่ายของภาคประชาชน ด้วยการผลักดัน “โครงสร้างพื้นฐานทางสาธารณูปโภคสำหรับอนาคต” อุตสาหกรรมนวัตกรรม 5+2 และยุทธศาสตร์ 6 อุตสาหกรรมหลัก เพื่อยกระดับสภาพแวดล้อมด้านการลงทุน ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างโครงสร้างทางเศรษฐกิจ ตลอดจนลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำระหว่างเมืองและชนบท รวมถึงยกระดับคุณภาพการดำรงชีวิตของประชาชน

ผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ (GDP) เพิ่มขึ้นจากมูลค่า 1,750 ล้านล้านเหรียญไต้หวันเมื่อ 8 ปีที่แล้ว มาเป็น  2,300 ล้านล้านเหรียญไต้หวันในปี 2566 ประกอบกับดัชนีหุ้นก็เพิ่มขึ้นจากปี 2016 ที่ 8,131 จุด มาสู่ 17,930 จุดเมื่อวันศุกร์ที่ 29 ธ.ค. 66 ที่ผ่านมา

ไต้หวันมีประชากรจำนวน 23.5 ล้านคน เป็นเขตเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 21 ของโลก ศักยภาพการแข่งขันภาพรวมของประเทศก้าวขึ้นสู่อันดับที่ 6 โดยรัฐบาลก็ยังคงมุ่งมั่นเสริมสร้างสวัสดิการให้ภาคประชาชน ด้วยการปฏิรูประบบภาษี ขยายขอบเขตการยกเว้นภาษีหรือลดหย่อนภาษี ส่งผลให้ประชากรจำนวนกว่า 3.05 ล้านครัวเรือน หรือประมาณร้อยละ 47 ของภาคประชาชนทั้งหมด ได้รับการละเว้นการชำระภาษี

นอกจากนี้ งบประมาณด้านการดูแลผู้สูงอายุก็ได้เพิ่มขึ้นจากในปีที่ข้าพเจ้าก้าวสู่ตำแหน่งผู้นำไต้หวัน ที่ 5,400 ล้านเหรียญ มาเป็น 87,600 ล้านเหรียญในปีนี้ ประกอบกับนโยบาย “รัฐบาลช่วยเลี้ยงบุตรธิดาในช่วงวัย 0-6 ปี” ก็ได้รับเงินอุดหนุนเพิ่มขึ้นจาก 15,000 ล้านเหรียญในปี 2016 มาเป็น 110,000 ล้านเหรียญในปีนี้

อีกทั้งรัฐบาลยังได้ออกมาตรการปรับเพิ่มเงินเดือนขั้นต่ำอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลา 8 ปี ซึ่งทยอยเพิ่มขึ้นจากเดิม 20,008 เหรียญไต้หวันมาสู่ 27,470 เหรียญไต้หวันในปีนี้ โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. ปี 2567 เป็นต้นไป

ข้าพเจ้าขอย้ำต่อเหล่ามิตรสหายที่แสดงความกังวัลเกี่ยวกับวินัยทางการเงินของรัฐบาลว่า ตั้งแต่ไช่อิงเหวินเข้ารับตำแหน่ง หนี้สาธารณะของไต้หวันลดลงจากปี 2559 ที่ร้อยละ 32.97 ใน มาสู่ร้อยละ 27.17 เมื่อเดือนพ.ย. ปี 2566 โดยมีการชำระหนี้คืนแล้วมากกว่า 900,000 ล้านเหรียญไต้หวัน

นอกจากนี้ เมื่อเทียบกับปี 2559 อัตราการส่งออกไต้หวันขยายตัวเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 70 โดยเฉพาะการส่งออกสู่ตลาดสหรัฐฯ ที่มีสัดส่วนการขยายตัวเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 120  “โครงการการลงทุนในไต้หวัน 3 รายหลัก” ได้ดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจำนวน 210 ล้านล้านเหรียญไต้หวัน ส่วนมูลค่าการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ก็มีมูลค่ารวมกว่า 240 ล้านล้านเหรียญไต้หวัน

แม้ว่าเราจะสามารถจัดการแก้ไขปัญหาอัตราการสำรองไฟฟ้าของไต้หวันที่ต่ำที่สุดในช่วงของรัฐบาลก่อน ที่ระดับ 1.64% ด้วยการมุ่งพัฒนาการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสีเขียว ที่ปัจจุบันสร้างกำลังการผลิตที่มีปริมาณเพิ่มสูงขึ้นกว่าที่ได้จากพลังงานนิวเคลียร์ อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนผ่านของพลังงานก็ยังคงต้องเดินหน้าต่อไป

การมุ่งพัฒนาพลังงานหมุนเวียน เป็นเพียงแนวทางเดียวในการสร้างหลักประกันในด้านการแข่งขันระดับนานาชาติของภาคอุตสาหกรรมไต้หวัน พร้อมกันนี้ เรายังจำเป็นต้องส่งเสริมการกระจายตัวของระบบไฟฟ้า ควบคู่ไปกับการมุ่งวิจัยและก่อตั้งระบบกักเก็บพลังงาน

ไต้หวันจำเป็นต้องสร้างความยืดหยุ่นด้านพลังงาน เพื่อเชื่อมโยงกับเป้าหมายของโลกในการใช้พลังงานหมุนเวียนให้มีการขยายตัวขึ้น 2 เท่า และประสิทธิภาพของพลังงานเพิ่มสูงขึ้น 1 เท่า ภายในปี 2030 ตามที่ระบุไว้ในอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ครั้งที่ 28 (COP 28) เพื่อมุ่งสู่การเปลี่ยนผ่านสู่การปลดปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ ภายในปี 2050

นอกจากนี้ เรายังจำเป็นต้องมุ่งผลักดันการปรับเปลี่ยนโครงสร้างทางเศรษฐกิจ และคงไว้ซึ่งข้อได้เปรียบทางเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย โดยใช้ระบบนิเวศทางอุตสาหกรรมที่ครอบคลุมสมบูรณ์เป็นพื้นฐาน ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างศักยภาพการรับมือต่อแรงกดดันทางเศรษฐกิจในไต้หวัน เพื่อก้าวสู่การมีบทบาทสำคัญในห่วงโซ่อุปทานแห่งประชาธิปไตยอย่างมีเสถียรภาพต่อไป

 

 

Source :  02/01/2024 Taiwan Today