เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2568 ประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ ได้แสดงปาฐกถาผ่านการบันทึกวิดีทัศน์ล่วงหน้า ต่อประเด็นผลกระทบที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้ประกาศใช้มาตรการภาษีศุลกากรต่างตอบแทน (Reciprocal tariff) ตามอัตราเฉพาะที่กำหนดสำหรับแต่ละประเทศ ซึ่งไต้หวันถูกเรียกเก็บภาษีในอัตรา 32% โดยปธน.ไล่ฯ ได้ชี้แจงต่อภาคประชาชนว่า รัฐบาลจะประกาศใช้มาตรการรับมือ 5 ประการ พร้อมย้ำว่า ไต้หวันไม่มีแผนการจะใช้มาตรการภาษีตอบโต้ต่อสหรัฐฯ สำหรับแผนการลงทุนในสหรัฐฯ ของกลุ่มผู้ประกอบการไต้หวัน หากสอดคล้องกับผ

เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2568 รัฐสภายุโรปยังมีมติเห็นชอบต่อ “รายงานผลการดำเนินงานตามนโยบายการต่างประเทศและความมั่นคงร่วมกัน (Common Foreign and Security Policy, CFSP)” และ“นโยบายความมั่นคงและการป้องกันประเทศ” (Common Security and Defence Policy, CSDP) ด้วยคะแนนเสียงอย่างเป็นเอกฉันท์ โดยญัตติ 2 ฉบับข้างต้นยังคงมุ่งเน้นแสดงความห่วงกังวลในประเด็นสถานการณ์ความตึงเครียดในช่องแคบไต้หวันที่เกิดจากจีน พร้อมทั้งให้การสนับสนุนการเสริมสร้างความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนในมิติต่างๆ ระหว่างไต้หวัน - สหภาพยุโรป (EU)

เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2568 นายกรัฐมนตรีจั๋วหรงไท่ ได้กล่าวระหว่างเข้าร่วมพิธีเปิด “มหกรรมการจ้างงานสำหรับนักศึกษาต่างชาติ 2025” ว่า การดึงดูดบุคลากรที่มีความสามารถเป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาศักยภาพในการแข่งขันของไต้หวัน รัฐบาลมุ่งมั่นที่จะสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดียิ่งขึ้น พร้อมทั้งส่งเสริมสังคมที่เป็นสากลและเป็นมิตร เพื่อดึงดูดบุคลากรที่มีความสามารถจากทั่วโลกให้มาทำงานในไต้หวัน อีกทั้งยังสนับสนุนให้นักศึกษาต่างชาติและนักศึกษาจากชุมชนชาวจีนโพ้นทะเลยังคงพำนักและทำงานในไต้หวันหลังจากสำเร็จการศึกษ

จากกรณีที่ทางการจีนประกาศว่าจะจัดการฝึกซ้อมทางทหารร่วมกันในน่านน้ำและน่านฟ้าโดยรอบไต้หวันในวันที่ 1 เมษายน 2568 โดยมุ่งเน้นการฝึกซ้อมเพื่อเข้าควบคุมอำนาจทางยุทธศาสตร์โดยรวม การโจมตี และการปิดกั้นพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญ กระทรวงการต่างประเทศและคณะกรรมการกิจการจีนแผ่นดินใหญ่ได้แสดงการประท้วงอย่างรุนแรง พร้อมประณามการกระทำของจีนที่บ่อนทำลายสถานะเดิมของช่องแคบไต้หวันและคุกคามความมั่นคงของภูมิภาค อีกทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลปักกิ่งยุติพฤติกรรมยั่วยุอย่างไร้เหตุผลโดยทันที

เมื่อวันที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมา นายเฉินจวิ้นจี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน)ได้เข้าร่วมพิธีเปิด “การปรับปรุงธนาคารเมล็ดพันธุ์พืชโลก (International Vegetable Genebank) ก้าวสำคัญด้านการพัฒนาความหลากหลายทางพันธุกรรมพืชของโลก” ซึ่งจัดขึ้นโดยศูนย์พืชผักโลก(World Vegetable Center) ณ สำนักงานใหญ่เขตซ่านฮั่ว ในนครไถหนาน

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไต้หวันกับสาธารณรัฐโซมาลีแลนด์ซึ่งตั้งอยู่บริเวณแหลมแอฟริกา ได้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือทางเทคนิคทวิภาคีเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2563 และได้ส่งคณะผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคไปปฏิบัติงาน จนถึงบัดนี้เป็นเวลา 4 ปีครึ่งแล้ว สัปดาห์นี้ มูลนิธิความร่วมมือและการพัฒนาระหว่างประเทศ (ICDF) ร่วมมือกับโรงเรียนธุรกิจวอร์ตันแห่งมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย นำปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้ในระบบสารสนเทศทางการแพทย์ของประเทศ ซึ่งมีฟังก์ชันการสร้างประวัติการรักษาอัตโนมัติ ได้เปิดใช้งานอย่างเ

ประเทศออสเตรเลียเป็นประธานหมุนเวียนของ “ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก” (CPTPP) ในปี 2025 กระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้มอบหมายให้สำนักงานไต้หวันในออสเตรเลีย เรียนเชิญรายการชื่อดังของออสเตรเลีย "The Airport Economist" ผลิตรายการตอนพิเศษชื่อตอน “Taiwan Special” ที่นำเสนอจุดแข็งและข้อได้เปรียบด้านเศรษฐกิจและการค้าของไต้หวัน ผ่านการถ่ายทอดของนายอู๋จื้อจง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศไต้หวันและบรรดาผู้นำอุตสาหกรรมของไต้หวัน รายการตอนพิเศษนี้ถูกเผยแพร่ที่รัฐสภาของ

เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 28 มีนาคม 2568 ประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อได้ให้การต้อนรับ นาง Ruth Bradley-Jones ที่เดินทางมาไต้หวันเพื่อเข้ารับตำแหน่งผู้อำนวยการใหญ่ของสำนักงานตัวแทนรัฐบาลอังกฤษประจำไทเป (British Office Taipei) พร้อมทั้งขอบคุณรัฐบาลและรัฐสภาของสหราชอาณาจักรที่ให้การสนับสนุนไต้หวันอย่างมั่นคง นอกจากนี้ยังกล่าวว่าไต้หวันกับสหราชอาณาจักรมีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าที่ใกล้ชิด และต่างก็มีจุดแข็งด้านอุตสาหกรรมที่ช่วยส่งเสริมซึ่งกันและกัน ไม่ว่าจะเป็นด้านเซมิคอนดักเตอร์ ปัญญาประดิษฐ์ ยานยนต์

วันนี้ (27 มีนาคม) ประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้เดินทางไปเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการความยืดหยุ่นในการป้องกันประเทศของภาคประชาสังคม ครั้งที่ 3 ที่จัดขึ้นในนครไถหนาน โดยย้ำว่า การปกป้องประชาธิปไตยจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ไม่เพียงแค่การประสานงานระหว่างรัฐบาลกลางและท้องถิ่นเท่านั้น แต่ยังต้องอาศัย ความตื่นตัวและการมีส่วนร่วมของประชาชนทุกคน เพื่อสร้างความเข้มแข็งและความยืดหยุ่นให้กับไต้หวัน

นายกรัฐมนตรีจั๋วหรงไท่ของสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) กล่าวในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ 27 มีนาคม 2568 หลังรับฟังรายงานจากกระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการเกี่ยวกับ “แผนพัฒนาสุขภาพไต้หวันเชิงลึกปี 2025-2029” ว่า แผนดังกล่าวใช้งบประมาณจำนวนมาก จึงขอให้กระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการวางแผนและดำเนินการอย่างเหมาะสม โดยให้ความสำคัญกับการจัดการกระบวนการรับสมัคร การตรวจสอบ และการจัดสรรงบประมาณอย่างรอบคอบ พร้อมทั้งยึดหลักการพัฒนา เช่น “หลีกเลี่ยงการกระจุกตัวของทรัพยากรในหน่วยงานขนาดใหญ่” และ “รับรองความครอบคลุม ควา