เมื่อวันที่ 15 มี.ค. นายอู๋เจาเซี่ย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ให้สัมภาษณ์แก่ Mr. Martin Ehl นักวิเคราะห์เศรษฐกิจของหนังสือพิมพ์เศรษฐกิจ Hospodarske noviny ของสาธารณรัฐเช็ก ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ โดยรมว.อู๋ฯ ได้ชี้แจงถึงกรณีที่รัสเซียบุกโจมตียูเครน การข่มขู่ไต้หวันด้วยกำลังทหารของจีน และการพัฒนาความสัมพันธ์แบบทวิภาคีระหว่างไต้หวัน – เช็กในภาคส่วนต่างๆ โดยเนื้อหาบทสัมภาษณ์ถูกตีพิมพ์ในหน้านสพ. Hospodarske noviny แบบเต็มเฟรม เมื่อวันที่ 14 มี.ค. ตามเวลาในเขตพื้

เนื่องด้วยสถานการณ์ที่รัสเซียได้ส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครน ส่งผลให้ประชาชนชาวยูเครนจำนวนมากไร้ซึ่งที่อยู่อาศัย จนต้องอพยพลี้ภัยไปยังประเทศใกล้เคียง จากสถิติที่รวบรวมโดยสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) ขณะนี้ ยอดผู้ลี้ภัยชาวยูเครนมีจำนวนสูงถึง 2.8 ล้านคน โดยเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 15 มี.ค. นายอู๋เจาเซี่ย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ทำหน้าที่เป็นตัวแทนของรัฐบาลไต้หวัน ประกาศแผนปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมแก่ผู้ลี้ภัยชาวยูเครน ระลอกที่ 2

กระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ชี้แจงกรณีที่นายอู๋เจาเซี่ย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) เดินทางไปตรวจการณ์สถานการณ์การบริจาคและคัดแยกสิ่งของบรรเทาทุกข์ เพื่อส่งมอบให้ผู้ลี้ภัยชาวยูเครน

เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 14 มี.ค. ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้เข้าร่วมงานเลี้ยงกลางวันเนื่องในวันสตรีสากลที่ร่วมกันจัดโดยผู้แทนทางการทูตประจำไต้หวัน พร้อมระบุว่า ไต้หวันได้ประสานความร่วมมือกับกลุ่มประเทศที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกันในการจัดตั้งกลไกความร่วมมือ เพื่อบรรลุหลักการความเสมอภาคทางเพศ โดยกิจกรรมใน “สัปดาห์แห่งความเสมอภาคทางเพศของไต้หวัน” แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าในการขับเคลื่อนการส่งเสริมสิทธิสตรี ปธน.ไช่ฯ คาดหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะสรรค์สร้างโลกที่ไร้ซึ่งการดูหมิ่นเหย

เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ล่าสุดในยูเครน และเพื่อแสดงออกถึงการให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมของไต้หวัน กระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) จึงได้ร่างแนวทางการให้ความช่วยเหลือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยนอกจากที่ศูนย์บัญชาการกลางป้องกันโรคระบาด (CECC) ของไต้หวันได้เปิดให้ผู้ที่มีความประสงค์จะเดินทางเข้าสู่เขตอาณาไต้หวัน ด้วยเหตุผลต่างๆ ได้แก่ การเยี่ยมญาติ การศึกษาต่อ การเรียนภาษาจีน การสำรวจตลาด การลงทุน การเดินทางตามสัญญาที่ตกลงกันไว้ การตอบรับการว่าจ้าง การให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมใ

กระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ชี้แจงต่อกรณีที่รัฐบาลฟิลิปปินส์ประกาศยอมรับหนังสือรับรองการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคโควิด – 19 แบบดิจิทัลของไต้หวัน ดังนี้

เมื่อวันที่ 9 มี.ค. ที่ผ่านมา ที่ประชุมรัฐสภายุโรปได้มีมติเห็นชอบต่อรายงานเสนอแนะเชิงนโยบายเกี่ยวกับ “การแทรกแซงจากต่างชาติต่อกระบวนการทางประชาธิปไตยในสหภาพยุโรป” ด้วยคะแนนเสียง 552 : 81 โดยมีผู้งดออกเสียง 60 เสียง โดยในรายงานได้ย้ำว่า ไต้หวันตั้งอยู่ในแนวหน้าของการต่อต้านการเผยแพร่ข่าวปลอมจากจีน ดังนั้น จึงได้ชี้แนะให้คณะกรรมาธิการยุโรป สามารถศึกษาแนวทางจากความสำเร็จในการรับมือของไต้หวัน พร้อมทั้งส่งเสริมให้สหภาพยุโรป (EU) และประเทศสมาชิกสร้างความร่วมมือในเชิงลึกกับไต้หวัน เพื่อต่อต้านการเผยแพร

เมื่อวันที่ 9 มี.ค. ที่ผ่านมา กระทรวงมหาดไทย (Ministry of the Interior: MOI) สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) แถลงว่า MOI ได้ออกมาตรการให้ความช่วยเหลือแก่คู่สมรสต่างชาติที่จดทะเบียนสมรสกับชาวไต้หวันทั้งในและต่างประเทศ หรือคู่รักที่มีแพลนจะจดทะเบียนสมรส โดยจะอนุมัติให้เดินทางเข้าสู่เขตอาณาไต้หวันได้ในช่วงระหว่างสถานการณ์โรคโควิด – 19 โดยในปี 2021 MOI ได้อนุมัติคู่สมรสที่เป็นชาวจีน ฮ่องกงและมาเก๊า เดินทางเข้าสู่ไต้หวันแล้ว 1,509 คน อีกทั้งยังให้ความช่วยเหลือในกรณีพิเศษแก่ผู้ที่มีความประสงค์จะจดทะเบียนสมรสกั

เพื่อให้เป็นไปตามหลักการ “ไต้หวันช่วยได้” (Taiwan Can Help) พร้อมก้าวสู่เป้าหมาย “สุขภาพดีถ้วนหน้า” (Health for All) ในเดือนมีนาคมนี้ รัฐบาลสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) จึงได้บริจาควัคซีนแอสตราเซเนกา (AZ) ให้กับเซนต์ลูเซีย และเซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์ ซึ่งเป็นประเทศพันธมิตรในพื้นที่แถบทะเลแคริบเบียน ประเทศละจำนวน 10,000 โดส โดยรัฐบาลทั้งสองประเทศได้แสดงความขอบคุณและให้การยอมรับต่อรัฐบาลไต้หวันที่ได้ให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ในการสกัดกั้นโรคระบาด

เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 8 มี.ค. ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้เข้าร่วม “งานเลี้ยงทางการทูตในราตรีแห่งพลังสตรี” พร้อมกล่าวว่า ไต้หวันอยู่ในแนวหน้าของผลักดันความเสมอภาคทางเพศและการส่งเสริมสิทธิสตรีมาโดยตลอด พร้อมทั้งแสวงหาโอกาสในการสร้างปฏิสัมพันธ์กับกลุ่มประเทศที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกันและองค์การระหว่างประเทศให้มากยิ่งขึ้น รวมทั้งส่งเสริมสิทธิสตรีด้วย โดยปธน.ไช่ฯ หวังว่าความช่วยเหลือและการร่วมเป็นกระบอกเสียงของทุกคน จะมีส่วนช่วยให้ให้กลุ่มสตรีมีโอกาสได้เข้าร่วมในกิจการสาธารณะเ