ต่อกรณีที่สื่อมวลชนรายงานว่า เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. Mr. Antony Blinken รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สหรัฐอเมริกา ได้เข้าร่วมรับฟังรายงานวิเคราะห์งบประมาณประจำปีของทางกระทรวงฯ ในที่ประชุมคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ พร้อมกล่าวว่า “ได้มีการเจรจากับไต้หวันในกรอบข้อตกลงบางรายการ และเตรียมจะเปิดการเจรจาอย่างเป็นทางการในเร็ววันนี้” กระทรวงเศรษฐการ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ขอแถลงการณ์ต่อประเด็นดังกล่าว ดังนี้

เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. ที่ผ่านมา กระทรวงการคลัง สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ประกาศสถิติมูลค่าการส่งออกประจำเดือนพฤษภาคม ซึ่งมีมูลค่ารวม 37,410 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทุบสถิติสูงสุดของตัวเลขรายเดือนตั้งแต่เคยมีมา ส่งผลให้มีอัตราการเติบโตร้อยละ 38.6 นับเป็นการขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 11 โดยช่วง 5 เดือนของปีนี้ มีมูลค่าการส่งออกรวม 170,320 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เติบโตในอัตราร้อยละ 30.2 โดยกระทรวงการคลัง แถลงว่า สถานการณ์โรคระบาดในไต้หวันยังไม่ได้รุนแรงจนถึงขั้นส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการผลิตภายในประเทศ จึงคาด

เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 7 มิ.ย. ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้กล่าวสุนทรพจน์ในประเด็นว่าด้วยภารกิจการป้องกันโรคระบาด ณ ทำเนียบประธานาธิบดี โดยปธน.ไช่ฯ กล่าวว่า เทศกาลไหว้บ๊ะจ่างใกล้เวียนมาถึง หากในระหว่างช่วงเทศกาล ประชาชนต่างเดินทางหรือเคลื่อนย้ายข้ามเขตพื้นที่ อาจส่งผลให้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อถิ่นกำเนิดและครอบครัว ที่อาจได้รับความเสี่ยง ด้วยเหตุนี้ ปธน.ไช่ฯ จึงวอนให้ประชาชน “หยุดอยู่กับที่ อย่าเคลื่อนย้าย” เชื่

เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. ศูนย์บัญชาการกลางป้องกันโรคระบาด (CECC) ไต้หวัน ได้ประกาศขยายเวลามาตรการป้องกันโรคระบาด ระดับ 3 ออกไปจนถึงวันที่ 28 มิ.ย. จึงขอให้สาธารณชนร่วมมือกับรัฐบาลในยกระดับการป้องกันโรคระบาดในระดับชุมชน ให้มีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น

เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 6 มิ.ย. ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ให้การต้อนรับคณะตัวแทนวุฒิสภาแห่งสหรัฐอเมริกา พ้รอมกล่าวขอบคุณคณะตัวแทนฯ ที่ได้เดินทางมาเยือนไต้หวันเป็นการเฉพาะ ต่อเนื่องจากการเดินทางไปเยือนเกาหลีใต้ โดยคณะตัวแทนฯ ได้ส่งผ่านข้อความว่าด้วยการให้การสนับสนุนไต้หวันแบบไม่แบ่งแยกฝักฝ่ายของสหรัฐฯ ซึ่งปธน.ไช่ฯ ระบุว่า การที่ไต้หวันได้รับความสนับสนุนจากทั้งสหรัฐฯ และญี่ปุ่นอย่างเป็นรูปธรรม ทำให้ไต้หวันมีโอกาสได้รับวัคซีนในปริมาณที่เพิ่มมากขึ้น และได้รับอย่

เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. ที่ผ่านมา สำนักงานเจรจาเศรษฐกิจและการค้า สภาบริหาร สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) แถลงว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 5 มิ.ย. ตามเวลาในกรุงไทเป ได้ร่วมหารือกับเหล่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และอีก 21 ประเทศในภูมิภาคเอเชีย - แปซิฟิก ในการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปค (APEC Ministers Responsible for Trade, MRT) ภายใต้ประเด็นว่าด้วยการรักษาเสรีภาพและการเปิดกว้างทางการค้าและการลงทุนภายใต้สถานการณ์โรคโควิด – 19 และแนวทางการผนึกกำลังของกลุ่มประเทศสมาชิก APEC ในการสนับสนุนให้องค์

เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. นายอู๋เจาเซี่ย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ตอบรับคำเชิญของ “สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งญี่ปุ่น”(The Foreign Correspondents' Club of Japan, FCCJ) เข้าร่วมการประชุมผู้สื่อข่าวระดับนานาชาติผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ โดยรมว.อู๋ฯ ได้แสดงปาฐกถาในหัวข้อ “ความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนระหว่างไต้หวัน – ญี่ปุ่น เมื่อเผชิญหน้ากับความท้าทายรูปแบบใหม่” (The Alignment of the Taiwan-Japan Partnership in the Face of Modern Challenges) โดยสื่อต่างประเทศผลัดกันซักถ

หลังผ่านการเจรจากันหลายครั้งในเวลากระชั้นชิดระหว่างไต้หวัน – ญี่ปุ่น ในที่สุดรัฐบาลญี่ปุ่นยินดีที่จะส่งมอบวัคซีนแอสตราเซเนกา (AZ) จำนวน 1.24 ล้านโดสให้ไต้หวัน เพื่อช่วยบรรเทาสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) โดยวัคซีนล็อตนี้มีกำหนดการส่งมาถึงไต้หวันในช่วงบ่ายของวันที่ 4 มิ.ย. นี้กระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ขอบคุณญี่ปุ่นด้วยใจจริงที่ส่งมอบความช่วยเหลือให้แก่ไต้หวันอย่างทันท่วงที

เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. ที่ผ่านมา ศูนย์บัญชาการกลางป้องกันโรคระบาด (CECC) ไต้หวัน แถลงว่า เพื่อสร้างหลักประกันทางสุขภาพที่ดีให้กับสาธารณชน และส่งเสริมให้ประชาชนได้รับภูมิคุ้มกันในการต้านทานโรคระบาดเป็นวงกว้าง ทาง CECC จึงได้จัดวางแนวทางการเข้ารับวัคซีนป้องกันโรคโควิด – 19 สำหรับภาคประชาชน พร้อมทยอยดำเนินการจัดเตรียมความพร้อมใน 3 มิติ ดังนี้

ตามข้อมูลรายงานผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยในภูมิภาคเอเชีย ประจำปี 2021 ที่สำรวจโดยนิตยสารไทมส์ ไฮเออร์ เอ็ดดูเคชั่น (Times Higher Education, THE) เผยว่า ในปีนี้มีมหาวิทยาลัยในไต้หวันรวม 8 แห่งอยู่ใน 100 อันดับแรก ซึ่งเป็นความสำเร็จที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา ในจำนวนนี้ มหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวัน (NTU) ยังคงครองอันดับสูงสุด และเป็นอีกครั้งที่สามารถเบียดเข้าสู่ 20 อันดับแรก ต่อเนื่องจากปี 2016 โดยในปีนี้ได้ขยับขึ้นมา 1 อันดับจากปีที่แล้ว