เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 12 ม.ค. ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้สนทนากับ Surangel Whipps, Jr. ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสาธารณรัฐปาเลา ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ โดยปธน.ไช่ฯ นอกจากจะร่วมแสดงความยินดีกับว่าที่ปธน. Whipps ที่ชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้แล้ว ยังคาดหวังที่จะขยายความร่วมมือ พร้อมเสริมสร้างมิตรภาพระหว่างไต้หวัน – ปาเลาในเชิงลึกต่อไป

ในระหว่างวันที่ 20 – 22 ม.ค. นายอู๋เจาเซี่ย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (Ministry of Foreign Affairs, MOFA) สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) มีกำหนดการนำคณะตัวแทนเดินทางเยือนสาธารณรัฐปาเลา ประเทศพันธมิตรของไต้หวันในแถบมหาสมุทรแปซิฟิก ในฐานะทูตพิเศษ ที่ได้รับมอบหมายจากประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) เพื่อเข้าร่วมพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี และรองประธานาธิบดีคนใหม่ รวมถึงสมาชิกรัฐสภา และกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องของปาเลา โดยในระหว่างการเยือนครั้งนี้ รมว.อู๋ฯ ยังมีกำหนดกา

เมื่อวันที่ 7 ม.ค. ตามเขตเวลาตะวันออกของสหรัฐฯ สภาคองเกรสสหรัฐอเมริกาได้ลงมติรับรองผลการลงคะแนนของคณะผู้เลือกตั้งครบทุกรัฐ โดยผลการเลือกตั้งยืนยันเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า นายโจ ไบเดน (Joe Biden) จากพรรคเดโมแครต ได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดีคนที่ 46 ของสหรัฐฯ และนางกมลา แฮร์ริส (Kamala Harris) จากพรรคเดโมแครต ได้รับเลือกให้เป็นรองประธานาธิบดี คนที่ 49 ของสหรัฐฯ ต่อกรณีดังกล่าว นายจางฉุนหาญ โฆษกทำเนียบประธานาธิบดี สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ชี้แจงว่า ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ใน

หนังสือเดินทางรุ่นใหม่ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) เปิดตัวขึ้นอย่างเป็นทางการในวันที่ 11 ม.ค. ที่ผ่านมา โดยในวันเดียวกันนี้ นายซูเจินชาง นายกรัฐมนตรี สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ออกมาชี้แจงว่า การปรับเปลี่ยนรูปโฉมใหม่ของหนังสือเดินทางในครั้งนี้ รัฐบาลไม่ได้เสียงบประมาณใดๆ เพิ่มเติม โดยทำการปรับเปลี่ยนเพียงเล็กน้อย คงไว้ซึ่งองค์ประกอบและโครงสร้างเดิม ทั้งนี้ เพื่อสร้างหลักประกันด้านความสะดวกในการท่องเที่ยวให้กับประชาชนไต้หวัน และส่งเสริมให้ประชาคมโลกมองเห็นไต้หวันได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น นอกจากนี้ นรม.ซูฯ

Ms. Kelly Craft ผู้แทนถาวรของสหรัฐอเมริกาประจำสหประชาชาติ มีกำหนดการนำคณะตัวแทนเดินทางมาเยือนไต้หวันในระหว่างวันที่ 13 – 15 ม.ค. โดยในระหว่างนี้ Ms. Craft มีกำหนดการที่จะเข้าเยี่ยมคารวะประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) พร้อมเข้าพบปะกับนายอู๋เจาเซี่ย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (Ministry of Foreign Affairs, MOFA) สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) นอกจากนี้ ยังมีกำหนดการเข้าแสดงปาฐกถาในสถาบันฝึกอบรมด้านการทูตและกิจการระหว่างประเทศ (Institute of Diplomacy and International Affairs, ID

เมื่อวันที่ 9 ม.ค. ตามเขตเวลาตะวันออกของสหรัฐฯ กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศแถลงการณ์ในนามของ Mr. Michael Pompeo รัฐมนตรีว่าการกต.สหรัฐฯ โดยมีเนื้อความระบุถึง การยกเลิกข้อจำกัดว่าด้วยการแลกเปลี่ยนระหว่างหน่วยงานบริหารของสหรัฐฯ และเจ้าหน้าที่ภาครัฐของไต้หวัน โดยกต.ไต้หวันรู้สึกยินดีและขอแสดงความขอบคุณด้วยใจจริง

เมื่อวันที่ 6 ม.ค. ที่ผ่านมา Mr. Janez Janša นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขแห่งสาธารณรัฐสโลวีเนีย และนายเฉินสือจง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ร่วมจัดการประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ โดยทั้งสองฝ่ายได้ร่วมแลกเปลี่ยนกันในประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด – 19) ที่ทั่วโลกกำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน อาทิ มาตรการป้องกันโรคระบาดด้านสาธารณสุขของทั้งสองประเทศ การใช้วัคซีน รวมถึงการประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด

เมื่อวันที่ 7 ม.ค. ที่ผ่านมา นายซูเจินชาง นายกรัฐมนตรี สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้รับฟังรายงานภายใต้หัวข้อ “การทูตแบบเป็นรูปธรรมและการพึ่งพาตนเองด้านกลาโหม” ของสำนักงานกฎหมายด้านการต่างประเทศและการป้องกันประเทศ สภาบริหาร สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ณ ที่ประชุมสภาบริหาร พร้อมกล่าวว่า ความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวัน – สหรัฐฯ และไต้หวัน – ยุโรป ได้พัฒนาไปสู่อีกขั้น การมองเห็นไต้หวันในเวทีนานาชาติก็ได้รับการยกระดับให้ดีขึ้น นอกจากนี้ ไต้หวันยังสามารถบรรลุเป้าหมายว่าด้วยการเสริมสร้างศักยภาพด้านกลาโหมแบบพึ่งพาตน

เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 6 ม.ค. นายไล่ชิงเต๋อ รองประธานาธิบดีสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้เข้าร่วม “การประชุมสุดยอดเทคโนโลยี AI และบล็อกเชน ครั้งที่ 4” (Hit AI & Blockchain) พร้อมกล่าวย้ำว่ายุคสมัยใหม่ก็คือโอกาสใหม่ของไต้หวัน ซึ่งพวกเราต้องกล้าหาญที่จะเผชิญหน้าและรับมือ โดยในอนาคต รัฐบาลไต้หวันจะเร่งบ่มเพาะบุคลากร เสริมสร้างนวัตกรรรม ส่งเสริมการปล่อยสินเชื่อแก่ผู้ประกอบการ และเชื่อมโยงกับนานาชาติ ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมให้ไต้หวันขึ้นครองบทบาทสำคัญในยุคแห่งเทคโนโลยีอัจฉริยะในอนาคต

เมื่อวันที่ 6 ม.ค. ศูนย์บัญชาการกลางป้องกันโรคระบาดของไต้หวัน (Central Epidemic Command Center, CECC) ประกาศว่า ไต้หวันพบกรณีผู้ป่วยติดเชื้อโควิด – 19 ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ เป็นจำนวน 2 ราย เป็นผู้ป่วยรายที่ 819 และ 820 ตราบจนปัจุบัน ยอดสะสมของผู้ที่มีอาการเข้าข่ายสงสัยที่ได้รับรายงานในไต้หวัน มีจำนวนรวม 129,393 คน (จำนวนนี้รวมผู้ที่ได้รับการยืนยันภายหลังว่า ไม่ได้ติดเชื้อไวรัสโควิด – 19 ทั้งสิ้น 127,342 คน) โดยผู้ป่วยยืนยันมีจำนวน 819 คน ซึ่งจากจำนวนทั้งหมดนี้ มี 724 รายเป็นผู้ป่วยที่เดินทาง