เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 6 มกราคม 2568 ประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้รับมอบสาสน์ตราตั้งจาก H.E. Luis Raúl Estévez López เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐกัวเตมาลาประจำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) โดย ปธน. ไล่ฯ ได้แสดงความยินดีและกล่าวต้อนรับการเดินทางมาประจำตำแหน่งในไต้หวันของ H.E. Estévez พร้อมนี้ ปธน.ไล่ฯ ยังได้แสดงความขอบคุณต่อรัฐบาลกัวเตมาลาที่แสดงจุดยืนให้การสนับสนุนไต้หวันเข้าร่วมในองค์การระหว่างประเทศ อย่างเต็มที่เสมอมา

เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2568 คณะกรรมการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (NSTC) สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) และมูลนิธิ Alexander von Humboldt Stiftung (AvH) ร่วมลงนามต่ออายุสัญญาบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือแบบทวิภาคี (MOU) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมผลักดันโครงการทุนการศึกษาเพื่อการวิจัยสำหรับนักวิจัยของเยอรมัน และให้ความช่วยเหลือแก่นักวิทยาศาสตร์เยาวชนชาวเยอรมันที่มีผลงานยอดเยี่ยม มีโอกาสได้เดินทางมาเข้าทำการวิจัยในไต้หวัน

เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 นายอู๋จื้อจง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ให้สัมภาษณ์แก่ Mr. Andrey Tsyganov ผู้สื่อข่าวของ Radio Free Europe โดยเนื้อหาบทสัมภาษณ์ถูกบรรจุไว้ในสารคดีภาษารัสเซียเรื่อง “เตรียมพร้อมรบมา 70 ปี－จีนจะใช้กำลังทหารรุกรานไต้หวันหรือ? ”

เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2568 นายจั๋วหรงไท่ นายกรัฐมนตรี สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้เดินทางเยือนเมืองหนานโถว เพื่อเข้าร่วม “พิธีเปิดโครงการทะเลสาบเทียมเหนียวจุ่ยถาน (Niaozueitan Artificial Lake Project) ในเขตพื้นที่แม่น้ำอูซี” โดย นรม.จั๋วฯ หวังว่าโครงการก่อสร้างโรงผลิตน้ำประปาเหนียวจุ่ยถานในพื้นที่ปลายน้ำจะแล้วเสร็จในเร็ววัน พร้อมทั้งเดินหน้าดำเนินการตามแผน “โครงการไข่มุกเรียงร้อย”

เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2568 นายจั๋วหรงไท่ นายกรัฐมนตรี สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้กล่าวสุนทรพจน์ก่อนเปิดการประชุมสภาบริหาร ภายใต้หัวข้อ “ปีใหม่ความหวังใหม่ พลังใหม่ ทิศทางใหม่” โดยนรม.จั๋วฯ กล่าวว่า ความหวังใหม่ของตนเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นมา ตราบจนปัจจุบัน เวลาได้ล่วงเลยมาเป็นระยะเวลา 228 วันแล้ว

เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2568 นายจั๋วหรงไท่ นายกรัฐมนตรี สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) แถลงภายหลังรับฟังรายงาน “โครงการสร้างฐานซิลิคอนวัลเลย์ในพื้นที่ทางตอนใต้” จากคณะกรรมการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (NSTC) สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) โดยนรม.จั๋วฯ ระบุว่า เทคโนโลยีใหม่สร้างโอกาสใหม่ให้แก่อุตสาหกรรมไต้หวัน โดยการสร้างซิลิคอนวัลเลย์ในพื้นที่ทางตอนใต้ จะนำพาความหวังใหม่มาสู่ไต้หวัน เพื่อบรรลุแผนปฏิบัติการข้างต้น รัฐบาลนอกจากจะมุ่งพัฒนาอุตสาหกรรมที่มีข้อได้เปรียบในตลาดโลกที่มีอยู่ในพื้นที่ทางตอนใต้ อาทิ เซมิค

เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 1 มกราคม 2568 ประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้กล่าวสุนทรพจน์เนื่องในวันขึ้นปีใหม่ประจำปี พ.ศ. 2568 ในหัวข้อ “เสริมสร้างศักยภาพของชาติด้วยประชาธิปไตย ก้าวสู่ยุคใหม่ของโลก” โดยปธน.ไล่ฯ กล่าวว่า ในปัจจุบัน ไต้หวันได้รับการยอมรับเป็นอย่างมากจากประชาคมโลก ทั้งในด้านประชาธิปไตย เทคโนโลยี และเศรษฐกิจ โดยในปีใหม่นี้ ไต้หวันจะผนึกกำลังสามัคคีเป็นหนึ่งเดียว มุ่งสู่ทิศทางที่ถูกต้อง

เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2567 นางเจิ้งลี่จวิน รองนายกรัฐมนตรี สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ทำหน้าที่เป็นประธานใน “การประชุมคณะทำงานส่งเสริมสมาร์ทเนชั่นแห่งสภาบริหาร ครั้งที่ 5” โดยรองนรม.เจิ้งฯ กล่าวว่า เพื่อตอบสนองกระแสเทคโนโลยี AI และรับมือกับความท้าทายรูปแบบใหม่ ที่เกิดจากการเผชิญหน้ากับการปรับโครงสร้างของระบบห่วงโซ่อุปทาน การเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล และการเปลี่ยนผ่านสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (NET ZERO) รวมไปถึงสังคมผู้สูงอายุเต็มรูปแบบ ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 สภาบริหารจึงได้เร่งดำเนินการ

เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2567 นายจั๋วหรงไท้ นายกรัฐมนตรีแห่งสภาบริหาร สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ทำหน้าที่เป็นประธานใน “การประชุมคณะกรรมการว่าด้วยความเสมอภาคทางเพศแห่งสภาบริหาร ครั้งที่ 31” โดยชี้ว่า ประสบการณ์การพัฒนาความเสมอภาคทางเพศของไต้หวัน ถือเป็นผู้นำในภูมิภาคเอเชีย โดยในปี พ.ศ. 2567 รัฐบาลได้ผลักดันมาตรการปฏิรูปหลายรายการ และบังคับใช้กฎหมายความเสมอภาคทางเพศที่ได้รับการแก้ไขใหม่อย่างครอบคลุม

ย้อนมองปี พ.ศ. 2567 สถานการณ์โลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ความผันผวนทางภูมิรัฐศาสตร์ยังคงมีอยู่ เส้นแบ่งระหว่างประชาธิปไตยกับอำนาจนิยมมีความชัดเจนยิ่งขึ้น สงครามรัสเซีย-ยูเครนยังคงยืดเยื้อ ขณะที่สถานการณ์ในตะวันออกกลาง ทะเลจีนใต้ คาบสมุทรเกาหลี และแม้แต่พื้นที่ระยะห่วงโซ่ที่ 1 ต่างสะท้อนให้เห็นถึงกลุ่มประเทศแห่งความวุ่นวายที่ประสานความร่วมมือกันสร้างความท้าทายระดับโลก ซึ่งทวีความรุนแรงขึ้นทุกที