เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2568 ประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้เดินทางเข้าร่วมพิธีเปิดเทศกาลโคมไฟไต้หวันในนครเถาหยวน( TAIWAN LANTERN FESTIVAL IN TAOYUAN) ซึ่งจัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “แสงไฟเชื่อมโยงสรรพสิ่ง” (LIGHT CONNECT ALL) ซึ่งเป็นกิจกรรมสุดยิ่งใหญ่ประจำปี ที่ผสมผสานระหว่างเทคโนโลยี วัฒนธรรมและการสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกครอบครัว

เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568 นายอู๋จื้อจง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้เข้าร่วมเป็นสักขีพยานผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ในการลงนาม “บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการส่งมอบความช่วยเหลือให้แก่ผู้ลี้ภัยชาวยูเครนในสาธารณรัฐเช็ก” ที่จัดขึ้น ณ กรุงปราก โดยมีนายเคอเหลียงรุ่ย ผู้แทนรัฐบาลไต้หวันประจำสาธารณรัฐเช็ก และ Mr. Šimon Pánek ประธานคณะกรรมการบริหารองค์การ People in Need (PIN) ซึ่งเป็นองค์การนอกภาครัฐที่ส่งมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมของสาธารณรัฐเช็ก ทำ

เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ นายหลินเจียหรง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (Ministry of Foreign Affairs, MOFA) ได้เชิญนายหลี่หย่วน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (Ministry of Culture, MOC) ร่วมจัดการประชุมระดับรัฐมนตรี เพื่อร่วมหารือกันในประเด็นการเสริมสร้างการผลักดันการทูตเชิงวัฒนธรรม นับเป็นครั้งแรกของ 2 กระทรวงที่ได้จัดการประชุมระดับรัฐมนตรีขึ้น

เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568 ประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ให้การต้อนรับ Ms. Thulisile Dladla รองนายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรเอสวาตินี โดยปธน.ไล่ฯ ได้แสดงความขอบคุณต่อเอสวาตินี ที่ร่วมเป็นกระบอกเสียงให้การสนับสนุนไต้หวันเข้ามีส่วนร่วมในองค์การระหว่างประเทศ ในเวทีนานาชาติทุกแห่ง อย่างหนักแน่นเสมอมา

“โครงการสมาร์ทเนชั่น ปี 2564 - 2568” ที่บริหารงานโดยกระทรวงศึกษาธิการไต้หวัน (Ministry of Education, MOE) มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการบ่มเพาะบุคลากรการศึกษาที่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีดิจิทัล ควบคู่ไปกับการพัฒนาการศึกษาในยุคดิจิทัล จึงได้มีการจัดโครงการบ่มเพาะการเรียนรู้เชิงดิจิทัล ครั้งที่ 2 ขึ้นในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568

เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568 รองประธานาธิบดีเซียวเหม่ยฉินแห่งสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ให้การต้อนรับ Mr. Eikei Suzuki สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแห่งญี่ปุ่น โดยรองปธน.เซียวฯ ได้แสดงความขอบคุณ Mr. Suzuki สำหรับความมุ่งมั่นในการสร้างคุณประโยชน์ต่อความสัมพันธ์ ระหว่างไต้หวัน - ญี่ปุ่น ควบคู่ไปกับการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนระหว่างภาคประชาชนของทั้งสองฝ่าย เพื่อส่งเสริมให้ความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวัน - ญี่ปุ่นมีความแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น

ระบบการจัดเก็บภาษีคาร์บอน มีผลบังคับใช้แล้วในปีนี้ โดย “ระเบียบว่าด้วยการจัดเก็บภาษีคาร์บอน” กำหนดไว้ว่า ในเดือนพฤษภาคม 2569 ซึ่งเป็นช่วงที่ต้องชำระภาษีคาร์บอน ผู้ประกอบการที่เข้าข่ายถูกเรียกเก็บภาษี จะต้องชำระภาษีโดยอ้างอิงจากปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดทั้งปี 2568 โดยกระทรวงสิ่งแวดล้อม (Ministry of Environment, MOENV) สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) เปิดเผยว่า จากการสำรวจพบว่า ร้อยละ 80 ของผู้ที่ต้องชำระภาษีคาร์บอน มีความจำนงที่จะยื่นขออนุมัติ เพื่อกำหนดเป้าหมายและแนวทางการลดก๊าซเรือนกระจกด้วยตนเอง

เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2568 ตามเวลาในเขตตะวันออกของสหรัฐฯ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (H.E. Donald Trump) ผู้นำสหรัฐอเมริกา และนายชิเงรุ อิชิบะ (H.E. Shigeru Ishiba) นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นคนปัจจุบัน ได้ประกาศแถลงการณ์ร่วมผู้นำระหว่างสหรัฐฯ – ญี่ปุ่น ซึ่งย้ำว่า การธำรงรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน ถือเป็นปัจจัยที่ไม่สามารถขาดได้ในด้านความมั่นคง และความเจริญรุ่งเรืองของประชาคมโลก จึงขอเรียกร้องให้มีการแก้ไขปัญหาปัญหาสองฝั่งช่องแคบไต้หวันด้วยสันติวิธี

เพื่อผลักดัน “แผนริเริ่มทางการศึกษา ระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ” และยุทธศาสตร์การศึกษา ระยะเวลา 3 ปี ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างการแลกเปลี่ยนทางการศึกษา และความเชื่อมโยงด้านการศึกษา ระหว่างไต้หวันและมลรัฐต่างๆ ของสหรัฐฯ หลังจากที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายกิจการการศึกษาของไต้หวันที่ประจำการในสำนักงานตัวแทนไต้หวันประจำเมืองบอสตัน และเจ้าหน้าที่ฝ่ายการศึกษาในสำนักงานตัวแทนไต้หวันประจำนครนิวยอร์ก ได้ร่วมหารือกับเจ้าหน้าที่สำนักการศึกษารัฐเมน และสำนักการศึกษารัฐคอนเนตทิคัต ทั้งสองฝ่ายต่างเห็นพ้องที่จะร่วมลงนามบันทึกค

“การประชุมนานาชาติและการประชุมโต๊ะกลม เครือข่ายนโยบายการกีฬาแห่ง APEC (APEC Sports Policy Network, ASPN) ประจำปี 2568” มีกำหนดการเปิดฉากขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่น ในช่วงระหว่างวันที่ 6 – 7 กุมภาพันธ์ 2568 โดยประเด็นที่จะนำมาอภิปรายและหารือกัน ในการประชุมทั้ง 2 วันดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับการกีฬา การจัดแสดงผลงานนวัตกรรมทางการกีฬา และกิจกรรมการแลกเปลี่ยนของผู้สังเกตการณ์การแข่งขัน โดยมีวิทยากร 25 ท่าน และทีมงานนวัตกรรมการกีฬาอีก 7 กลุ่ม จาก 13 ประเทศ และบุคคลที่เกี่ยวข้องกับวงการกีฬาของญี่ปุ่นเกือบ 100 คน