เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2568 คณะกรรมาธิการการต่างประเทศและกลาโหม สภานิติบัญญัติไต้หวัน ได้เชิญคณะกรรมการกิจการชาวจีนโพ้นทะเล (OCAC) สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) เข้ารายงานและตอบข้กซักถามในประเด็นเกี่ยวกับ “แนวทางการเชื่อมโยงแวดวงชาวจีนโพ้นทะเล เพื่อผนึกและรุกขยายพลังสนับสนุนไต้หวันในต่างแดน อันจะพัฒนาไปสู่การเสริมสร้างศักยภาพทางเศรษฐกิจและการค้าของไต้หวัน ผ่านนโยบายการทูตเชิงบูรณาการ ท่ามกลางสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและเศรษฐกิจโลก”

งานแสดงสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ระดับนานาชาติ (International Consumer Electronics Show, CES) ประจำปี 2568 เปิดฉากขึ้นอย่างยิงใหญ่ ณ เมืองลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา กรมเทคโนโลยีอุตสาหกรรม (DOIT) กระทรวงเศรษฐการ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) นอกจากจะนำทีมผู้ประกอบการและกลุ่มนักธุรกิจนวัตกรรมทางเทคโนโลยีระดับแนวหน้าของไต้หวัน 11 ราย เดินทางเข้าร่วมจัดแสดงสินค้าแล้ว ยังมุ่งสร้างความเชื่อมโยงกับระบบนิเวศสตาร์ทอัพซิลิคอนวัลเลย์

เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 13 มกราคม 2568 รองประธานาธิบดีเซียวเหม่ยฉินแห่งสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ให้การต้อนรับ Mr. Gabrielius Landsbergis อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐลิทัวเนีย พร้อมทั้งแสดงความขอบคุณต่อ อดีต รมว. Landsbergis ที่สร้างคุณประโยชน์ในด้านความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วน ระหว่างไต้หวัน – ลิทัวเนีย ให้มีเสถียรภาพ

“โครงการฟื้นฟูและพัฒนาความหลากหลายของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม” เปิดตัวขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 14 มกราคม 2568 โดยนายจั๋วหรงไท่ นายกรัฐมนตรี สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้เข้าร่วมในพิธีเปิดโครงการ พร้อมระบุว่า ในอนาคต พวกเราจะส่งเสริมให้ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ได้รับการบริการและความช่วยเหลือโดยตรงจากรัฐบาล ภายใต้หลักการ “3 กลยุทธ์ 3 มาตรการ และ 1 ช่องทาง”

หลังจากที่มีสื่อมวลชนในไต้หวันรายงานข่าวเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2568 โดยชี้ว่า ประชาชนชาวไต้หวันต้องเผชิญกับการถูกฉ้อโกงทางการเงินจนต้องสูญเสียทรัพย์สินในมูลค่ามหาศาล โดยที่รัฐบาลไม่มีมาตรการใดๆ มารับมือ ด้วยเหตุนี้ ศูนย์บัญชาการปราบปรามการฉ้อโกง ภายใต้การกำกับดูแลของสภาบริหาร สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) จึงได้ออกมาแถลงว่า จากข้อมูลสถิตินับตั้งแต่เดือนมิถุนายน ปี 2566 จนถึงเดือนพฤศจิกายน 2567 มีผู้เข้าถึงข้อมูลประชาสัมพันธ์การป้องกันการฉ้อโกงที่จัดทำโดยรัฐบาลเป็นจำนวนสูงถึง 190.44 ล้านคนครั้ง

เพื่อขานรับแนวคิดการพัฒนาที่ยั่งยืนและส่งเสริมให้สภาพแวดล้อมมีภาพลักษณ์ที่ดี เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2568 กระทรวงสิ่งแวดล้อม สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) และหอการค้าเยาวชนนานาชาติ (Junior Chamber International, JCI) จึงได้ร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือ เพื่อรณรงค์ตาม “โครงการไม่ทิ้งก้นบุหรี่ เพื่อสิ่งแวดล้อมที่สวยงามยิ่งขึ้น”

Mr. Gabrielius Landsbergis อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐลิทัวเนีย พร้อมด้วยภริยา ตอบรับคำเชิญของรัฐบาลไต้หวัน ด้วยการนำคณะตัวแทนเดินทางเยือนไต้หวันเป็นครั้งแรก ในช่วงระหว่างวันที่ 12 – 16 มกราคม 2568 กระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ขอให้การต้อนรับด้วยความยินดีจากจริงใจ

ต่อกรณีเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2568 ตามเวลาในเขตตะวันออกของสหรัฐฯ ทำเนียบขาวแห่งสหรัฐอเมริกา ได้ออกแถลงการณ์เรื่อง คำมั่นอันหนักแน่นของสหรัฐฯ ต่อภูมิภาคอินโด – แปซิฟิก” โดยได้แสดงจุดยืนที่ว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ใช้วิธีการที่หลากหลายในการส่งมอบความช่วยเหลือด้านการเสริมสร้างแสนยานุภาพในการปกป้องประเทศด้วยการพึ่งพาตนเองแก่ไต้หวัน พร้อมทั้งแสดงจุดยืนในการธำรงรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคอินโด – แปซิฟิก และช่องแคบไต้หวัน

เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 9 มกราคม 2568 ประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ให้การต้อนรับ Mr. David Trulio ประธาน มูลนิธิโรนัลด์ เรแกน (Ronald Reagan Presidential Foundation) และคณะ โดยปธน.ไล่ฯ ได้แสดงความขอบคุณต่อเหล่าคณะตัวแทน ที่ไม่เกรงกลัวต่อมาตรการคุกคามการจากจีน แสดงให้เห็นถึงความสนับสนุนที่มีต่อไต้หวันอย่างหนักแน่น

เพื่อประชาสังคมมีความเข้าใจมากขึ้นต่อเหตุการณ์ความน่าสะพรึงสีขาว (White Terror) ที่เคยเกิดขึ้นในไต้หวัน พิพิธภัณฑ์สิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (National Human Rights Museum, NHRM) และสถาบันวิจัยเชิงประวัติศาสตร์ไต้หวัน (ITH Academic Sinica) ภายใต้การกำกับดูแลของสภาวิจัยแห่งชาติ ได้ร่วมมือกันจัดทำ “โครงการเรียบเรียงข้อมูลทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับเหตุการณ์ความน่าสะพรึงสีขาว”