เนื่องด้วยกระแสเทคโนโลยการยืนยันตัวตนรูปแบบดิจิทัล (Digital Identity) ที่พัฒนาจากการรวมศูนย์ (Centralized Identity) การพิสูจน์ตัวตนแบบรวมศูนย์ (Federated Identity) มาสู่การระบุตัวตนดิจิทัลแบบกระจายศูนย์ (Decentralized Identity) จึงส่งผลให้ระบบกระเป๋าเงินดิจิทัลของไต้หวัน (Taiwan Digital Identity Wallet) หรือระบบการมอบอำนาจและการยืนยันตัวตนทางดิจิทัลในรูปแบบกระจายศูนย์ ได้กลายมาเป็นกระแสยุคใหม่ของโครงสร้างพื้นฐานเชิงสาธารณูปโภคด้านดิจิทัล

เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 10 ธันวาคม 2567 ประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้เข้าร่วม “พิธีมอบรางวัลประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนแห่งเอเชีย ครั้งที่ 19” (Asia Democracy and Human Rights Award) โดยปธน.ไล่ฯ ทำหน้าที่เป็นประธานมอบรางวัลประจำปีนี้ให้แก่ “มูลนิธิสิทธิมนุษยชน Odhikar” ของบังกลาเทศ

ในช่วงระหว่างวันที่ 9 – 10 ธันวาคม 2567 สภาบริหาร สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) จัด “การประชุมนานาชาติเนื่องในวันสิทธิมนุษยชนสากล ประจำปี พ.ศ. 2567” โดยมุ่งเน้นในประเด็น “การศึกษาด้านสิทธิมนุษยชน” ผ่านการแบ่งปันแลกเปลี่ยนแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดและกลยุทธ์การประเมินผลรูปแบบนวัตกรรม ในด้านการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและการศึกษาด้านการเปลี่ยนผ่านเพื่อคืนความยุติธรรม ด้วยวิสัยทัศน์ระดับสากลและมุมมองเชิงภาคปฏิบัติที่หลากหลายทั้งในและต่างประเทศ

เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 9 ธันวาคม 2567 ประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ให้การต้อนรับคณะตัวแทนที่นำโดย Mr. Kevin Stitt ผู้ว่าการรัฐโอคลาโฮมาแห่งสหรัฐอเมริกา โดยปธน.ไล่ฯ ได้แสดงความขอบคุณต่อผู้ว่าการ Stitt และรัฐสภาของโอคลาโฮมา ที่ให้ความสำคัญต่อไต้หวัน และให้การสนับสนุนไต้หวันเข้าร่วมในองค์การระหว่างประเทศอย่างหนักแน่น

เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2567 นางเจิ้งลี่จวิน รองนายกรัฐมนตรี สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้เข้าร่วมพิธีประกาศมอบรางวัลองค์กรโปร่งใส (Integrity Awards) ครั้งที่ 2 และการประชุมว่าด้วยความโปร่งใสแห่งไต้หวัน ประจำปี พ.ศ. 2567 โดยรองนรม.เจิ้งฯ ได้แสดงความชื่นชมต่อ 8 หน่วยงานที่ได้รับรางวัล สำหรับความมุ่งมั่นในการเสริมสร้างกลไกการบริหารจัดการต้นตอความเสี่ยงของการบริหารงานราชการด้วยความโปร่งใส การกระตุ้นความโปร่งใสและการเปิดกว้างของสภาบริหาร รวมถึงการส่งเสริมความเชื่อมโยงของภาคประชาชนอย่างกระตือรือร้น ด้วยกา

เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 7 ธันวาคม 2567 ประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้เข้าร่วม “กิจกรรมวันสิทธิมนุษยชนสากล ประจำปี พ.ศ. 2567” ที่จัดขึ้น ณ อุทยานรำลึกเหตุการณ์ความน่าสะพรึงสีขาวในเขตจิ๋งเหม่ย (Jing-Mei White Terror Memorial Park) เพื่อแสดงความเคารพและความขอบคุณต่อเหล่าวีรชนที่มุ่งมั่นกล้าหาญอุทิศตนเพื่อประชาธิปไตย เสรีภาพและสิทธิมนุษยชนของไต้หวัน

เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 5 ธันวาคม 2567 รองประธานาธิบดีเซียวเหม่ยฉินแห่งสาธาณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ให้การต้อนรับคณะตัวแทนจาก “คณะกรรมาธิการนโยบายการต่างประเทศแห่งชาติสหรัฐฯ” (National Committee on American Foreign Policy, NCAFP) โดยชี้ว่า ประชาชนชาวไต้หวันมุ่งธำรงปกป้องเสรีภาพและประชาธิปไตย และทำหน้าที่เป็นพลังแห่งความดีของโลกใบนี้ โดยรองปธน.ไล่ฯ หวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเห็นไต้หวันมุ่งอุทิศคุณประโยชน์ในระบบห่วงโซ่อุปทานโลก และเข้ามีส่วนร่วมในสังคมโลกอย่างมีความหมาย เพื่อแสดงให้เห็นถึงจิตวิญญาณที่ว่า “

เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 3 ธันวาคม 2567 นายเถียนจงกวง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้เข้าร่วมพิธีส่งคืนเมล็ดพันธุ์พืชใน“โครงการริเริ่มแผนปฏิบัติการส่งคืนเมล็ดพันธุ์ ไต้หวัน - เอเชีย (Taiwan Asia Vegetable Initiative, TAsVI) ที่จัดขึ้นโดยศูนย์พืชผักโลก (World Vegetable Center, WorldVeg) กิจกรรมในครั้งนี้ได้เชิญผู้แทนและเจ้าหน้าที่ทางการทูตจากมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม สหรัฐฯ ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ที่ประจำการอยู่ในไต้หวัน ให้เดินทางมาเข้าร่วมด้วย

เมื่อช่วงเที่ยงของวันที่ 4 ธันวาคม 2567 ตามเวลาท้องถิ่น ประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้เดินทางถึงตูวาลู ตามภารกิจใน “แผนสร้างความเจริญรุ่งเรืองในกลุ่มชาติพันธุ์ออสโตรนีเซียน มุ่งสู่ความยั่งยืนอัจฉริยะ” และเข้าร่วมงานเลี้ยงรับรองที่จัดโดย Mr. Feleti PenitalaTeo นายกรัฐมนตรีตูวาลู โดยปธน.ไล่ฯ ได้แสดงความขอบคุณต่อรัฐบาลตูวาลูที่ให้คำมั่นในการส่งเสริมการพัฒนาความสัมพันธ์อันดี ระหว่างไต้หวัน - ตูวาลู อย่างต่อเนื่อง โดยปธน.ไล่ฯ หวังว่า ทั้งสองฝ่ายจะมุ่งเสริมสร้างความเชื่อมโยงในเ

กระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) จัด “กิจกรรมการนำคณะทูตานุทูต เข้าเยี่ยมชมสถานประกอบการของภาคธุรกิจไต้หวัน ประจำปี พ.ศ. 2567” ขึ้นในช่วงระหว่างวันที่ 28 – 29 พฤศจิกายน 2567 โดยมุ่งเน้นไปที่ “อุตสาหกรรมสุขภาพและการแพทย์อัจฉริยะ”