เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 25 ส.ค. ที่ผ่านมา ทำเนียบประธานาธิบดี สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้จัดงานแถลงข่าวเพื่อประกาศว่า ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) มีกำหนดการนำคณะตัวแทนเดินทางเยือนราชอาณาจักรเอสวาตินี ในช่วงระหว่างวันที่ 5 – 8 ก.ย. ที่จะถึงนี้ โดยปธน.ไช่ฯ คาดหวังที่จะบรรลุภารกิจหลัก 2 ประการในระหว่างการเดินทางเยือนในครั้งนี้ ได้แก่ “ร่วมเฉลิมฉลองมิตรภาพระหว่างสองประเทศ” และ “การส่งเสริมความร่วมมือที่ยั่งยืนระหว่างกัน”
เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 24 ส.ค. ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ให้การต้อนรับ “คณะเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากสภาแอตแลนติก (The Atlantic Council)” ซึ่งเป็นหน่วยงานคลังสมองของกรุงวอชิงตัน ดีซี โดยปธน.ไช่ฯ กล่าวว่า เมื่อต้องเผชิญกับความท้าทายระหว่างประเทศ การเสริมสร้างความทรหดของประชาธิปไตยโลก ได้กลายมาเป็นประเด็นที่ประชาคมโลกให้ความสำคัญร่วมกัน โดยการลงทุนและความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้า รวมถึงเสถียรภาพและความทรหดของระบบห่วงโซ่อุปทาน ล้วนเป็นเสาหลักของกลุ่มประเทศประชาธ
ต่อกรณีที่สมาชิกสภารัฐสภาอเมริกากลาง (Central American Parliament, PARLACEN) ที่ฝักใฝ่ให้การสนับสนุนจีน และเพิกเฉยต่อคุณประโยชน์ที่ไต้หวันได้อุทิศตนเป็นเวลายาวนาน ในด้านการพัฒนาทางเศรษฐกิจและการเมืองของอเมริกากลาง (Central American Integration System, SICA) ในภูมิภาคอเมริกากลาง” ด้วยการฟังคำยุยงจากจีน และมีมติเห็นชอบต่อ “ญัตติว่าด้วยการกีดกันไต้หวันและยอมรับจีน” ซึ่งเป็นประเด็นที่มีความขัดแย้งสูงมากเมื่อวันที่ 21 ส.ค. ที่ผ่านมา ตลอดหลายวันนี้ เหล่ามิตรสหายนานาชาติต่างทยอยแสดงความห่วงใยและประณามพ
เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 23 ส.ค. ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ให้การต้อนรับ “คณะตัวแทนสมาคมสมาชิกรัฐสภาไต้หวัน - สวีเดน” (Swedish - Taiwanese Parliamentarian Association, STPA) โดยปธน.ไช่ฯ ได้แสดงความขอบคุณต่อรัฐบาลและบรรดาสมาชิกรัฐสภาสวีเดน สำหรับการสนับสนุนไต้หวันอย่างหนักแน่นเสมอมา โดยหวังว่าทั้งสองประเทศจะเร่งเสริมสร้างความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนระหว่างกันเชิงลึก ในด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความมั่นคงในระบบห่วงโซ่อุปทาน เป็นต้น พร้อมทั้งคาดหวังที่จะเห็นเหล่าสมาชิ
กระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้รับแจ้งจากรัฐบาลสหรัฐฯ ว่า ขณะนี้หน่วยงานฝ่ายบริหารของสหรัฐฯ ยื่นเรื่องไปยังรัฐสภา เพื่อขออนุมัติการจำหน่าย “ระบบตรวจจับและติดตามแบบอินฟราเรด” (Infrared Search and Track System, IRST) มูลค่า 500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ให้แก่ไต้หวัน กต.ไต้หวันรู้สึกยินดีและขอขอบคุณรัฐบาลสหรัฐฯ ที่มุ่งบรรลุคำมั่นด้านความมั่นคงของไต้หวัน ที่ระบุไว้ใน “กฎหมายความสัมพันธ์ไต้หวัน” และ “หลักประกัน 6 ประการ”
เมื่อวันที่ 19 ส.ค. ที่ผ่านมา สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้จัดงานเลี้ยงน้ำชาเพื่อการเฉลิมฉลองและงานแถลงข่าวเปิดตัวผลสัมฤทธิ์ ภายใต้โครงการสานฝันผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่และบุตรธิดา ครั้งที่ 9 โดยมีผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่และบุตรธิดา จำนวน 88 คน 30 กลุ่ม ที่ได้รับทุนการศึกษาเพื่อสานฝัน ซึ่งในระหว่างพิธี นายอู๋หรงฮุย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้เดินทางไปร่วมงานเพื่อกำลังใจให้แก่บรรดาผู้ได้รับทุน มุ่งมั่นสานฝันของตนเอง และก้าวสู่อนาคตที่สดใสยิ่งขึ้น พร้อมหวังว
เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 21 ส.ค. ที่ผ่านมา นายอู๋เจาเซี่ย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้จัดงานเลี้ยงอาหารค่ำต้อนรับคณะตัวแทนเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากสภาแอตแลนติก (The Atlantic Council) ซึ่งเป็นคลังสมองของกรุงวอชิงตัน ดีซี จำนวน 7 คน ที่นำโดย Ms. Dalia Grybauskaitė อดีตประธานาธิบดีสาธารณรัฐลิทัวเนีย โดยสมาชิกคณะประกอบด้วย Mr. Mark T. Esper อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ Ms. Choi Yoon-hee อดีตประธานคณะเสนาธิการแห่งเกาหลีใต้ Mr. Matthew Kroenig ผู้อำนวยการระดับสูง
เมื่อวันที่ 11 ส.ค. ที่ผานมา นายอู๋เจาเซี่ย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ให้สัมภาษณ์แก่ Mr. Patrick Zollผู้ สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ Neue Zürcher Zeitung (NZZ) ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ที่ประจำการอยู่ในไต้หวัน โดยเนื้อหาบทสัมภาษณ์ได้ถูกเผยแพร่ผ่านข่าวต่างประเทศบนหน้าหนังสือพิมพ์และเว็บไซต์ในวันที่ 21 ส.ค. ที่ผ่านมา ภายใต้หัวข้อ “หากไม่หยุดยั้งอำนาจเผด็จการ อำนาจเผด็จการก็จะเข้ามากล้ำกรายในที่สุด” (Wenn wir den Autoritarismus nicht stoppen, wird er zu uns kommen) ซึ่งได้
ต่อกรณีที่จีนมีพฤติกรรมท้าทายทางการทหาร ด้วยการซ้อมรบในพื้นที่น่านน้ำรอบไต้หวัน โดยว่าเป็นเพราะเจ้าหน้าที่ภาครัฐระดับสูงของไต้หวัน แวะเยือนสหรัฐฯ ในระหว่างการเดินทางเยือนประเทศพันธมิตร พร้อมใช้กรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างจีน-ไต้หวัน (Economic Cooperation Framework Agreement, ECFA) มาเป็นอาวุธในการข่มขู่ทางเศรษฐกิจเพื่อสร้างแรงกดดันต่อการเลือกตั้งครั้งใหญ่ของไต้หวันที่เตรียมจะจัดขึ้นในปีหน้านี้ รวมถึงการใช้คำพูดข่มขู่และการเผยแพร่ข่าวปลอม เพื่อเข้าแทรกแซงกระบวนการทางประชาธิปไตยของไต้หวันอย่า
เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือแบบเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกันในกิจการทางกฎหมาย หลังจากที่ไต้หวันและเซนต์ลูเซียได้ร่วมลงนามใน “ข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านกิจการตำรวจ” นับตั้งแต่ปี 2018 เป็นต้นมา เมื่อวันที่ 16 ส.ค. ที่ผ่านมา นายไช่ชิงเสียง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ทำการลงนาม “กฎระเบียบว่าด้วยการเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน ด้านกระบวนการยุติธรรมทางคดีอาญา ระหว่างรัฐบาลสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) – เซนต์ลูเซีย” ณ กรุงไทเป ภายใต้ความมุ่งมั่นพยายามร่วมกันของกระทรวงการต่างประเทศ กร
