ช้ามไปยังส่วนข้อมูลหลัก
รีภาพขจรขจาย สัมผัสบ้านเกิดกวีไล่เหอที่จางฮั่ว
แหล่งที่มาของข้อมูล Taiwan Panorama
2018-10-29

รีภาพขจรขจาย สัมผัสบ้านเกิดกวีไล่เหอที่จางฮั่ว

 

เมื่อเรากล่าวถึงนักวรรณกรรมระดับโลกชาวยุโรปอย่าง วิคเตอร์ มารี ฮูโก, โยฮันน์ วอล์ฟกัง ฟอน เกอเธ่ และวิลเลียม เชกสเปียร์ หรือนักวรรณกรรมชื่อดังชาวจีนอย่าง หลู่ซวิ่น ล้วนเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงและคุ้นหูกันเป็นอย่างดี บ้านเกิดของพวกเขาเหล่านี้ยังคงเป็นที่สนใจและรำลึกถึงของผู้คนโดยทั่วไปตราบจนปัจจุบัน

สำหรับในไต้หวัน หากต้องการรู้เรื่องราวบ้านเกิดที่เมืองจางฮั่วของไล่เหอ (賴和) นักวรรณกรรมที่ได้รับสมญานามว่า "บิดาแห่งวรรณกรรมยุคใหม่ของไต้หวัน" หรือ "หลู่ซวิ่นไต้หวัน" ก็ต้องเริ่มต้นจากปากั้วซันไปจนถึงวัดขงจื๊อ จากเกาปินเก๋อไปจนถึงกองบัญชาการตำรวจจางฮั่ว เราจะได้สัมผัสกับผลงานของเขา ซึ่งเป็นทัศนียภาพแห่งวรรณกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ท้องถิ่น

 

เจ้าแม่ “มาจู่” แห่งจางฮั่ว ผู้ไว้หนวดทรงพม่าติดบั้ง

คุณไล่เหอ เกิดที่จางฮั่ว ในปีค.ศ.1894 ได้รับการศึกษาแบบญี่ปุ่นในโรงเรียนของรัฐ ศึกษาภาษาจีนที่เสี่ยวอี้ถัง ต่อมาขึ้นเหนือไปศึกษาต่อจนจบการศึกษาด้านแพทยศาสตร์จาก Taiwan Sotokufu Medical School (ปัจจุบันคือคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวัน) เมื่อจบการศึกษาแล้ว ได้เริ่มชีวิตการทำงานของตน ได้พบกับความอยุติธรรมในสังคมที่ชาวไต้หวันได้รับ ผลงานของคุณไล่เหอ เรื่อง "อาซื่อ" หรือ "น้องสี่" บรรยายถึงสภาพการณ์ในยุคนั้น ลูกจ้างชาวไต้หวันจะได้รับค่าจ้างต่ำกว่าลูกจ้างญี่ปุ่นประมาณครึ่งหนึ่ง และไม่มีบ้านพักให้อยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเงินช่วยเหลือค่าเช่าบ้านยังถูกหักอีกด้วย เมื่อมาเป็นหมอแล้ว คุณไล่เหอได้บรรยายสภาพของไต้หวันที่อยู่ภายใต้อาณานิคมของญี่ปุ่น ถูกกดขี่ขูดรีด และถูกทำทารุณกรรม เขาได้บรรยายชีวิตจริงวิพากษ์ความรุนแรงและความเลวร้ายที่เกิดขึ้นในยุคที่ไต้หวันตกเป็นอาณานิคมของญี่ปุ่น ผลงานวรรณกรรมของเขาปลุกความรักชาติ ต่อต้านจักรวรรดินิยมและระบอบศักดินา

คำขวัญ “ผู้กล้าต่อสู้เพื่ออุดมการณ์” เป็นคติประจำใจที่คุณไล่เหอยืน หยัดตลอดชั่วอายุขัยคำขวัญ “ผู้กล้าต่อสู้เพื่ออุดมการณ์” เป็นคติประจำใจที่คุณไล่เหอยืน หยัดตลอดชั่วอายุขัย

คุณเย่สือเทา (葉石濤) นักวรรณกรรมอีกท่านหนึ่ง ได้เขียนไว้ในผลงานของตนที่มีชื่อว่า "ทำไมคุณไล่เหอจึงเป็นบิดาแห่งวรรณกรรมไต้หวัน" โดยระบุว่า ผลงานวรรณกรรมของคุณไล่เหอเต็มไปด้วยสีสันแห่งจิตวิญญาณของการต่อต้าน การขัดขืน และการเรียกร้องที่ไม่ยอมจำนน รวมทั้งนำเอาประวัติศาสตร์ชะตากรรมอันไม่ธรรมดาของไต้หวันบรรยายออกมาเป็นตัวอักษร และชื่นชมผลงานการสร้างพื้นฐานให้แก่วงการวรรณกรรมยุคใหม่ไต้หวันของคุณไล่เหอ

ปีค.ศ.1917 คุณไล่เหอได้กลับไปที่บ้านเกิด จัดตั้ง "โรงพยาบาลไล่เหอ" นับถึงปัจจุบันมีอายุกว่า 100 ปีแล้ว เดิมเป็นสิ่งปลูกสร้างสไตล์ญี่ปุ่น หลังคาปูด้วยกระเบื้องสีดำ แต่ตอนนี้ได้ปรับปรุงเป็นอาคารขนาดใหญ่ เก็บอนุรักษ์ไว้เพียงเสากำแพงเสาเดียวเพื่อเป็นที่ระลึกเท่านั้น ส่วน "พิพิธภัณฑ์ไล่เหอ" ตั้งอยู่ที่ชั้น 4 เก็บรวบรวมสิ่งของเครื่องใช้ และผลงานเขียนของเขาไว้ที่นี่

เมื่อเดินเข้าไปในพิพิธภัณฑ์ บนกำแพงจะมีคำขวัญ "ผู้กล้าต่อสู้เพื่ออุดมการณ์" ประดับไว้ สร้างบรรยากาศเสมือนย้อนกลับสู่ยุคอดีต สัมผัสกับความอาจหาญแข็งแกร่งของคุณไล่เหอที่ต่อกรกับกลุ่มผู้กุมอำนาจ สิ่งที่จัดแสดงภายในพิพิธภัณฑ์ประกอบไปด้วย อัตชีวประวัติ ผลงานที่ผ่านมา ร่างต้นฉบับ อุปกรณ์แพทย์ ภาพถ่ายเก่าแก่ และหนังสือที่เก็บสะสม ซึ่งมีคุณค่ายิ่งของคุณไล่เหอ

คุณไล่เหอถูกจับกุมคุมขังอีกครั้งในปีค.ศ.1941 เขียนบรรยายความรู้สึกที่แย่มากใน “บันทึกในเรือนจำ”คุณไล่เหอถูกจับกุมคุมขังอีกครั้งในปีค.ศ.1941 เขียนบรรยายความรู้สึกที่แย่มากใน “บันทึกในเรือนจำ”

หนึ่งในบริเวณจัดแสดงเป็นการจำลองห้องตรวจคนไข้ ด้านข้างรูปปั้นทองสัมฤทธิ์ของคุณไล่เหอ มีโต๊ะไม้และปากกาตั้งประดับอยู่ และบนชั้นวางของที่ดูเก่าสีถลอกก็มีรูปขาวดำเก่าๆ เป็นภาพบริเวณด้านนอกของโรงพยาบาลในสมัยนั้น ในภาพจะเห็นรถลากของคุณไล่เหอจอดอยู่นอกบ้าน คุณไล่เหอมักจะอาศัยช่วงเวลาที่นั่งอยู่บนรถลากที่โยกไปโยกมาเพื่อไปทำหน้าที่ของคุณหมอ สร้างสรรค์ผลงานวรรณกรรมของตน

เจ้าแม่ "มาจู่" แห่งจางฮั่ว ผู้ไว้หนวดทรงพม่าติดบั้ง

จากภาพถ่ายเหล่านี้จะเห็นได้ว่า คุณไล่เหอมีภาพลักษณ์ที่แตกต่างจากบุคลิกโดยทั่วไปของคุณหมอในสายตาของคนทั่วไป ไม่มีเสื้อกาวน์สีขาว หนวดทรงพม่าติดบั้งสองเส้นบนใบหน้าและเสื้อเชิ้ตพื้นเมืองไต้หวันได้กลายเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวของเขาไปเสียแล้ว และสิ่งที่ทำให้ผู้คนมีความรู้สึกเคารพยกย่องก็คือ คุณไล่เหอมักจะให้การรักษาพยาบาลฟรีแก่ชาวบ้านที่ยากจน และในช่วงคืนวันตรุษจีน ชาวบ้านจะเผากระดาษเงินกระดาษทอง แต่คุณไล่เหอกลับเผากระดาษบัญชีผู้ค้างชำระเงินค่ารักษา การที่เขาเป็นแบบอย่างในการช่วยเหลือคนทุกข์ยาก ทำให้ผู้คนขนานนามคุณไล่เหอว่า "เจ้าแม่มาจู่ แห่งจางฮั่ว" และเป็นเรื่องเล่าขานมาจนถึงปัจจุบันด้วย

ไล่เหอกับหนวดสไตล์เอกลักษณ์ในชุดเสื้อเชิ้ตไต้หวัน ใน “โรงพยาบาลไล่เหอ” ที่ใช้ในการรักษา คนยากจนไล่เหอกับหนวดสไตล์เอกลักษณ์ในชุดเสื้อเชิ้ตไต้หวัน ใน “โรงพยาบาลไล่เหอ” ที่ใช้ในการรักษา คนยากจน

...สตรีเป็นวัตถุบำเรอความสุขของผู้คน ถูกย่ำยีตามอำเภอใจของพวกเขา ไม่มีเด็กคนใดที่จะไม่ไร้เดียงสาน่ารัก ในขณะที่พวกเขากลับทรมานด้วยความโหดร้าย ...เมื่อเราอยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ คิดแต่เพียงว่าจะมีทางอยู่รอดได้อย่างไรเท่านั้น แม้ความสุขที่แลเห็นอยู่เบื้องหน้าจะไม่อาจได้สัมผัสก็ตาม แต่ก็ต้องต่อสู้เพื่อรุ่นลูกรุ่นหลาน

"เพลงเศร้าแห่งเมืองใต้" ผลงานของคุณไล่เหอ แต่ละตัวอักษรบรรยายถึงความไร้มนุษยธรรมที่ผู้อ่อนแอในสังคมได้รับจากรัฐบาลอาณานิคม ภายใต้สภาพแวดล้อมเช่นนี้ ผู้ที่เอาตัวรอดอยู่ไปวันๆ เป็นสิ่งที่น่าละอายใจยิ่ง เพื่ออนาคตของรุ่นลูกรุ่นหลาน หวังให้ผู้คนที่อยู่บนผืนแผ่นดินนี้ กล้าที่จะลุกขึ้นมาสู้อย่างกล้าหาญ

บทกลอนของเขาเต็มไปด้วยเสียงเพรียกจากกลุ่มชนผู้อ่อนแอในสังคม คุณไล่เหอยึดถือ "หลักการต่อสู้ด้วยความอาจหาญเพื่อความชอบธรรม เพราะในโลกใบนี้ไม่เคยมอบสิทธิ์ใดๆ ให้î เป็นคติเตือนใจของตน ผลงานของเขาล้วนมาจากอุดมการณ์ที่เขาได้ตั้งปณิธานไว้ "อีกานเชิงไจ่" บทความที่มีชื่อเสียงของคุณไล่เหอได้ระบุในตอนท้ายว่า ได้รับอิทธิพลจากผลงานที่มีชื่อว่า "L'Affaire Crainquebille" ของ Anatole France เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมชาวฝรั่งเศสที่เขาชื่นชอบ ส่วนผลงาน "ตรุษจีนแห่งความผิดหวัง" ก็ได้รับอิทธิพลจากนิโคไล โกกอล นักวรรณกรรมชาวรัสเซีย นอกจากนี้ ผลงานเขียนของ Chekhov, Anton Pavlovich, Ivan Sergeyevich Turgenev, Lev Nikolayevich Tolstoy,  Johann Wolfgang von Goethe, และ Egon Schiele ที่อยู่บนชั้นวางหนังสือของเขา ล้วนมีอิทธิพลต่อสไตล์วรรณกรรมของคุณไล่เหอไม่น้อยทีเดียว

"วันไล่เหอ" ดอกไม้แห่งเสรีภาพที่เบ่งบาน

ผลงานวรรณกรรมที่มีชื่อเสียงที่สุดของคุณไล่เหอก็คือผลงาน "อีกานเชิงไจ่" ในปี 1926 ผลงานดังกล่าวยังได้รับการบรรจุไว้ในตำราเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายของไต้หวันด้วย เมื่อคุณครูสอนถึงบทนี้ทีไร ก็จะมีนักเรียนจากทั่วทุกสารทิศเข้าชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้อย่างคับคั่ง

ภายในพิพิธภัณฑ์ได้จำลองห้องตรวจรักษาของคุณไล่เหอ เพื่อให้คน รุ่นหลังจินตนาการถึงคุณไล่เหอในอดีตภายในพิพิธภัณฑ์ได้จำลองห้องตรวจรักษาของคุณไล่เหอ เพื่อให้คน รุ่นหลังจินตนาการถึงคุณไล่เหอในอดีต

นอกจากนี้ พิพิธภัณฑ์ยังได้จัดเวิร์คช็อปและศึกษาผลงานไล่เหอ ตลอดจนกิจกรรมผลงานวรรณกรรมที่เคยได้รับรางวัลวรรณกรรมในไต้หวัน จัดกิจกรรมการแสดงดนตรีและอื่นๆ ในวันที่ 28 พ.ค. ของทุกปี ซึ่งเป็น "วันไล่เหอ" 

มหกรรมดนตรีในปีค.ศ.2017 จัดให้มีขึ้นเป็นครั้งที่ 8 ซึ่งเป็นวันครบรอบ 123 ปี วันเกิดของคุณไล่เหอ และครบรอบ 30 ปี แห่งการยกเลิกกฎอัยการศึก ดังนั้น จึงจัดให้มีขึ้นภายใต้หัวข้อ "ดอกไม้แห่งเสรีภาพ" ผลงานบทกลอนของคุณไล่เหอในปีค.ศ.1920 ซึ่งประกอบไปด้วยการท่องไปกับวรรณกรรม รวมทั้งการสัมมนา "ท่องไปกับวรรณกรรม" ในวันไล่เหอของทุกปี ได้รับการต้อนรับจากผู้รักในวรรณกรรมอย่างล้นหลาม โดยแบ่งเป็น 4 เส้นทาง ที่แต่ละเส้นทางจะผ่านการปรึกษาหารือขบคิดกันอย่างละเอียดนานหลายเดือนจึงจะออกมาเป็นรูปเป็นร่าง จนสามารถนำผู้สนใจไปสัมผัสผลงานวรรณกรรมของคุณไล่เหอด้วยความดื่มด่ำ ท่องไปในผลงานที่เขาบรรยายถึงจางฮั่ว รวมเกร็ดแห่งความทรงจำไว้ในงานวรรณกรรมของเขา

ในระหว่างการนำเข้าชมพิพิธภัณฑ์ไล่เหอ นอกจากจะแนะนำทัศนียภาพโดยรอบแล้ว ที่สำคัญยิ่งกว่านี้คือ จะมีปฏิสัมพันธ์กับผู้เข้าร่วมกิจกรรม ผ่านการเปรียบเทียบภาพเก่ากับภาพใหม่ๆ และการสัมผัสผลงานวรรณกรรม แลกเปลี่ยนประสบการณ์และความรู้สึกที่มีต่อผลงานของคุณไล่เหอ คุณหวงจื้อเฉิง (黃志誠) ผู้บรรยายอาวุโสบอกว่า ก่อนหน้านี้มีคุณลุงที่เข้าร่วมกิจกรรมคนหนึ่งเคยได้รับการรักษาจากคุณไล่เหอ คุณลุงเล่าให้ฟังว่า ตอนนั้น โรงพยาบาลต่าง ๆ ไม่กล้าที่จะรักษาบาดแผลของเขา แต่คุณไล่เหอไม่เพียงแต่ไม่ปฏิเสธเท่านั้น ยังรักษาบาดแผลของเขาจนหายดี บุญคุณนี้ทำให้เขาสำนึกมาจนถึงปัจจุบัน คุณหวงจื้อเฉิงเล่าอีกว่า อาศัยการแบ่งปันเรื่องราวของคุณไล่เหอที่เคยได้ยินได้ฟังมา เป็นสิ่งที่ได้รับเพิ่มเติมจากกิจกรรมท่องวรรณกรรมไล่เหอ

“วรรณกรรมท้องถิ่น ไต้หวัน” ที่รวบรวมโดยหลี่ เซี่ยนจาง ได้บรรจุผลงาน เขียนและบทนำของคุณไล่เหอ ไว้ด้วย“วรรณกรรมท้องถิ่น ไต้หวัน” ที่รวบรวมโดยหลี่ เซี่ยนจาง ได้บรรจุผลงาน เขียนและบทนำของคุณไล่เหอ ไว้ด้วย

เดินทอดน่องเมืองจางฮั่ว สัมผัสผลงานวรรณกรรม

ข้างๆ โรงพยาบาลไล่เหอเดิมคือ "หอหลินเป่า" 
(鄰保館) เป็นบ้านพักอาคารสงเคราะห์ในยุคแรกๆ ของไต้หวันที่ใช้เป็นที่พักสำหรับผู้ยากไร้ในยุคอาณานิคมญี่ปุ่น และมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "โรงทาน" ซึ่งคุณไล่เหอเคยอาศัยสถานที่เหล่านี้เป็นภูมิหลังของการสรรค์สร้างผลงานบทกลอนและบทเพลง รวมทั้งนิยายพื้นบ้านของเขา ตอนนั้น ไต้หวันได้รับอิทธิพลจากระบบการศึกษาในฐานะอาณานิคมญี่ปุ่น ขนบธรรมเนียมประเพณี บทกลอนพื้นเมือง และนิยายพื้นบ้าน ไม่เคยได้รับความสนใจ เมื่อคุณไล่เหอมีเวลาว่างจากการสร้างสรรค์ผลงานวรรณกรรม เขาก็จะทุ่มเทให้แก่การอนุรักษ์ผลงานวรรณกรรมพื้นบ้านอย่างเต็มกำลังความสามารถ

เมื่อออกจากพิพิธภัณฑ์แล้ว ก็จะถึงโรงเรียนประถมศึกษาจงซัน ซึ่งคุณไล่เหอเคยร่ำเรียนที่นี่ ผลงาน "บทกลอนแห่งต้นไม้" ที่นำมาแสดงไว้ยังระเบียงศิลปกรรมภายในโรงเรียน ได้จัดแสดงผลงานและประวัติของศิษย์เก่านักวรรณกรรมของโรงเรียนจำนวน 12 ท่าน เพื่อให้รุ่นน้องได้ทำความรู้จักเรื่องราวและผลงานของนักวรรณกรรมเหล่านี้ โรงเรียนประถมศึกษาจงซันก่อตั้งมานานกว่า 120 ปีแล้ว อาคารภายในโรงเรียนก็มีอายุเกินกว่า 100 ปี เป็นห้องเรียนในยุคแรกๆ วันเปิดเทอมวันแรก คุณไล่เหอได้พาบุตรชายมาที่นี่ รำลึกถึงความรู้สึกและอารมณ์ในวันแรกที่เปิดเทอมของเขาเมื่อ 25 ปีก่อน สรรค์สร้างออกมาเป็นผลงาน "ความทรงจำอันแสนน่าเบื่อ" เพื่อวิพากษ์ระบบการศึกษาอาณานิคมในยุคนั้น

ปากั้วซันเป็นแลนด์มาร์กของเมืองจางฮั่ว ผลงานจำนวนมากของคุณไล่เหอมีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับที่นี่ เมื่อเราเลาะไปตามทางเดินแห่งวรรณกรรมของปากั้วซันขึ้นไปเรื่อยๆ บทกลอนบทที่ 7 ใน 10 บทกลอนของ "อ่านประวัติศาสตร์ไต้หวัน" จุดปลายทางจะเป็นกำแพงบทกลอนชื่อดังของคุณไล่เหอ ซึ่งประกอบกันขึ้นจากแผ่นเหล็กจำนวน 100 แผ่น ในแนวตั้ง ประหนึ่งหน้าหนังสือ เพื่อให้ผู้คนได้ซึมซับบทกลอนที่คัดสรรจากบทกลอนที่มีชื่อว่า "รุกไปข้างหน้า" (前進)

โปสการ์ดของไล่เทียนซ่ง บิดาของคุณไล่เหอที่ส่งไปยัง โรงพยาบาลจื่อเหว่ย เมือง จางฮั่วโปสการ์ดของไล่เทียนซ่ง บิดาของคุณไล่เหอที่ส่งไปยัง โรงพยาบาลจื่อเหว่ย เมือง จางฮั่ว

เชิงเขาปากั้วซัน เดิมเป็นสวนสาธารณะจางฮั่ว แต่ในปัจจุบันได้กลายเป็นที่ดินว่างเปล่า ได้แต่อาศัยผลงานวรรณกรรมของคุณไล่เหอ "นั่งตากลมในสวนสาธารณะ" และ "นั่งเล่นยามสนธยาในสวนสาธารณะ" มาจินตนาการบรรยากาศของสวนสาธารณะจางฮั่วในยุคนั้น เดินทอดน่องไปกับไกด์ จนถึงวัดขงจื๊อจางฮั่ว ซึ่งเป็นที่ตั้งเก่าของโรงเรียนที่คุณไล่เหอเคยศึกษาร่ำเรียน แล้วลัดเลาะไปยังวัด "หยวนชิงกวน" ฟังเรื่องราวการทุ่มเทให้แก่การเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคมและสมาคมวัฒนธรรมไต้หวันของคุณไล่เหอ

เราเดินต่อไปถึงอีกแยกหนึ่ง ก็ถึงกองกำกับการสถานีตำรวจจางฮั่ว ซึ่งเป็นยุคอาณานิคมญี่ปุ่นปกครองไต้หวัน คุณไล่เหอเคยถูกจับกุมคุมขังอยู่ที่สถานีตำรวจแห่งนี้ถึง 2 ครั้ง ประวัติศาสตร์ช่วงนี้ทำให้ผลงานวรรณกรรมหลังออกจากคุกของเขาสะท้อนความเป็นจริงของคนชั้นล่างในสังคม และจิตใจเด็ดเดี่ยวกล้าหาญในการต่อต้านสิ่งที่ไม่เป็นธรรมทั้งปวง ในผลงานที่มีชื่อว่า "คนของฉัน" (吾人)

ถนนเฉินหลิง (陳陵路) ในวันนี้ ก็คือตลาดเสี่ยวซีเจีย
 (小西街) ในอดีตที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คน "เกาปินเก๋อ" ในซอย เป็นร้านอาหารที่ในยุคนั้นคุณไล่เหอกับบรรดาเพื่อนๆ จากคณะแพทยศาสตร์มาสังสรรค์กันที่นี่ แต่ในปัจจุบันได้กลายเป็นโบราณสถานและมีการซ่อมแซมภายใต้ความพยายามร่วมกันของนักประวัติศาสตร์วรรณกรรมทั้งหลาย

ร่างต้นฉบับของคุณไล่เหอ และหนังสือของเขาเก็บ รวบรวมไว้ในพิพิธภัณฑ์ไล่เหอร่างต้นฉบับของคุณไล่เหอ และหนังสือของเขาเก็บ รวบรวมไว้ในพิพิธภัณฑ์ไล่เหอ

พิพิธภัณฑ์ที่เก็บรวบรวมผลงานวรรณกรรมของคุณไล่เหอเอาไว้อย่างสมบูรณ์นี้ ไม่เพียงแต่จัดกิจกรรมในท้องถิ่นเท่านั้น แต่ยังได้พยายามเชื่อมต่อสู่ประชาคมโลกด้วย การสัมผัสผลงานวรรณกรรมของคุณไล่เหอ เปรียบเสมือนการย้อนยุคสู่ประวัติศาสตร์ยุคอาณานิคม จึงเป็นที่สนใจของบรรดานักประวัติศาสตร์ และผู้ศึกษาผลงานวรรณกรรมจากทั่วโลกให้แวะเวียนมาเยือนพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ และผลงานวรรณกรรมของเขาก็กลายเป็นผลงานที่นำไปแปลเป็นภาษาต่างๆ อีกด้วย มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตซานตาบาร์บาราได้นำผลงานของคุณไล่เหอไปแปลเป็นภาษาอังกฤษ คณะภาษาจีน มหาวิทยาลัยไฮเดลเบิร์กของเยอรมนี ยังได้เชิญมูลนิธิไล่เหอเข้าร่วมงานสัมมนาที่เยอรมนีเมื่อปีค.ศ.2015 นำเอาผลงานของคุณไล่เหอและวรรณกรรมยุคใหม่ของไต้หวันเผยแพร่สู่สายตาชาวโลก

พิพิธภัณฑ์แห่งนี้แตกต่างจากพิพิธภัณฑ์ทั่วไป การท่องไปในแดนวรรณกรรมไล่เหอต้องอาศัยการอธิบายนำทางของไกด์ พาคุณเดินทะลุตรอกซอกซอย อ่านผลงานเขียนของไล่เหอ ท่องเที่ยวเชิงลึกด้วยการเดิน รวมทั้งซึมซับความสำนึกของท้องถิ่น ให้ "ดอกไม้แห่งเสรีภาพ" เบ่งบานอย่างยั่งยืนตลอดไป