ช้ามไปยังส่วนข้อมูลหลัก
การค้าไต้หวัน-เวียดนามคึกคักจัด ปลัดเศรษฐการไต้หวันชี้ เที่ยวบินสัปดาห์ละ 300 เที่ยวยังไม่พอใช้
แหล่งที่มาของข้อมูล Central News Agency
2018-10-16

เมื่อวันที่ 15 ต.ค. ที่ผ่านมา นางหวังเหม่ยฮัว ปลัดกระทรวงเศรษฐการไต้หวัน (ที่ 4 จากซ้าย) และนายหวังเหวินยวน ประธานกลุ่มบริษัทฟอร์โมซาพลาสติก (ที่ 3 จากซ้าย) ได้เข้าร่วมการประชุมความร่วมมือทางอุตสาหกรรมระหว่างไต้หวัน-เวียดนาม โดยนายหวังเหวินยวนกล่าวว่า หวังว่าการประชุมในครั้งนี้จะสามารถกระตุ้นให้เกิดการแลกเปลี่ยนทางบุคลากรระหว่างทั้งสองฝ่าย และมีส่วนช่วยขับดันเศรษฐกิจในภูมิภาค

เมื่อวันที่ 15 ต.ค. ที่ผ่านมา นางหวังเหม่ยฮัว ปลัดกระทรวงเศรษฐการไต้หวัน (ที่ 4 จากซ้าย) และนายหวังเหวินยวน ประธานกลุ่มบริษัทฟอร์โมซาพลาสติก (ที่ 3 จากซ้าย) ได้เข้าร่วมการประชุมความร่วมมือทางอุตสาหกรรมระหว่างไต้หวัน-เวียดนาม โดยนายหวังเหวินยวนกล่าวว่า หวังว่าการประชุมในครั้งนี้จะสามารถกระตุ้นให้เกิดการแลกเปลี่ยนทางบุคลากรระหว่างทั้งสองฝ่าย และมีส่วนช่วยขับดันเศรษฐกิจในภูมิภาค

การค้าไต้หวัน-เวียดนามคึกคักจัด ปลัดเศรษฐการไต้หวันชี้ เที่ยวบินสัปดาห์ละ 300 เที่ยวยังไม่พอใช้

CNA วันที่ 15 ต.ค. 61

หลังจากที่มีการจัดการประชุมความร่วมมือทางอุตสาหกรรมระหว่างไต้หวันและเวียดนามขึ้นเป็นครั้งแรกที่นครโฮจิมินห์เมื่อปีที่แล้ว ปีนี้การประชุมได้ย้ายมาจัดในกรุงไทเป ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 15 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยมีนางหวังเหม่ยฮัว ปลัดกระทรวงเศรษฐการไต้หวันเป็นแขกรับเชิญสำคัญ ซึ่งปลัดหวังได้กล่าวระหว่างการปราศรัยว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ทำให้ไต้หวันและเวียดนามมีโอกาสที่จะสร้างความร่วมมือกันได้มากขึ้น จึงหวังว่าเวทีการประชุมนี้ จะสามารถช่วยให้เกิดความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรมระหว่างผู้ประกอบการของไต้หวันและเวียดนามด้วย

 

หวังเหม่ยฮัวกล่าวว่า หลังจากที่รัฐบาลได้ผลักดันนโยบายมุ่งใต้ครั้งใหม่ การค้าระหว่างไต้หวันและเวียดนามก็มีการขยายตัวกว่าร้อยละ 28 จำนวนนักศึกษาเวียดนามที่เดินทางมาศึกษาต่อในไต้หวันเพิ่มขึ้นหนึ่งเท่าตัว อีกทั้งจำนวนเที่ยวบินระหว่างทั้งสองฝ่ายก็เพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่า จากสัปดาห์และ 102 เที่ยวมาอยู่ที่ประมาณ 300 กว่าเที่ยวบินในปัจจุบัน แต่ก็ยังมีนักธุรกิจไต้หวันบ่นว่า ไม่สามารถจองที่นั่งได้ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวันและเวียดนามที่แนบแน่นมากขึ้นในช่วง 2 ปีกว่าที่ผ่านมา

 

โดยการประชุมความร่วมมือทางอุตสาหกรรมระหว่างไต้หวัน-เวียดนาม (Taiwan Vietnam Industrial Collaboration Forum) จัดขึ้นโดยความร่วมมือระหว่างสภาอุตสาหกรรมไต้หวัน (Chinese National Federation of Industries, CNFI) และหอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งประเทศเวียดนาม (Vietnam Chamber of Commerce and Industry, VCCI) ถือเป็นการประชุมที่นับว่าเป็นผลสำเร็จที่เกิดขึ้นจากนโยบายมุ่งใต้ใหม่ โดยในปีนี้นายหวังเหวินยวน ประธาน CNFI และนายหวงกวงฝั่ง รองประธาน VCCI เป็นประธานในการประชุมร่วมกัน และมีนางหวังเหม่ยฮัวเป็นแขกรับเชิญ โดยมีนายฟ่านจวิ้นอิง รองอธิบดีกรมอุตสาหกรรม กระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมเวียดนามเป็นผู้บรรยายในระหว่างการประชุม

 

CNFI ชี้ว่า หากนับจนถึงสิ้นเดือนมิถุนายน 2018 ไต้หวันมีการลงทุนในเวียดนามรวมมากกว่า 30,900 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ถือเป็นทุนต่างชาติสำคัญอันดับ 4 ของเวียดนาม แต่หากรวมถึงการลงทุนของไต้หวันที่ลงทุนผ่านประเทศที่ 3 ด้วยนั้น มูลค่าการลงทุนรวมคาดว่าจะมากกว่า 50,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สามารถสร้างตำแหน่งงานให้เวียดนามได้ประมาณ 1.4 ล้านตำแหน่ง จากตัวเลขเหล่านี้ทำให้เห็นได้ชัดถึงความสำคัญของการสร้างความร่วมมือในภาคอุตสาหกรรมระหว่างไต้หวันและเวียดนามในอนาคต

 

โดยนายหวังเหวินยวนได้ยกตัวอย่างบริษัทฟอร์โมซาพลาสติก (FPC) ว่า บริษัทฯ มีการลงทุนในเวียดนามคิดเป็นมูลค่า 14,600 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ผลประกอบการของบริษัทลูกในเวียดนามในปี 2018 ก็สูงถึงประมาณ 3,900 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เชื่อว่าหลังเปิดใช้งานโรงผลิตเหล็กที่ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดห่าติ๋ญแล้ว จะทำให้ผลประกอบการเพิ่มขึ้นเป็นปีละ 4,800 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ถือว่ามีส่วนช่วยให้เศรษฐกิจของเวียดนามค่อยๆ ขยายตัวเพิ่มขึ้นได้ไม่น้อยในแต่ละปี

 

หวังเหวินยวนกล่าวว่า การประชุมในครั้งนี้สามารถดึงดูดทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาควิชาการให้มาเข้าร่วมได้มากถึง 500 กว่าคน หวังว่าจะสามารถอาศัยโอกาสนี้ในการกระตุ้นให้เกิดการแลกเปลี่ยนทางบุคลากรระหว่างทั้งสองฝ่าย และมีส่วนช่วยขับดันเศรษฐกิจในภูมิภาค เพื่อเป้าหมายสู่การสร้างผลประโยชน์ร่วมกันระหว่างไต้หวันและเวียดนามด้วย

 

โดยในส่วนการประชุมย่อยในปีนี้ แบ่งออกเป็น 3 อุตสาหกรรมใหญ่ได้แก่ สิ่งทอ เมืองและโรงเรียนอัจฉริยะ และอุตสาหกรรมเบา ซึ่งได้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างภาคอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องของทั้งสองฝ่ายก่อนการประชุมจะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการด้วย