ช้ามไปยังส่วนข้อมูลหลัก
รองประธานาธิบดีเฉินชี้ การพัฒนาอย่างยั่งยืนเป็นภาระหน้าที่ของไต้หวัน ซึ่งต้องขอรับการสนับสนุนจากภาคธุรกิจ
แหล่งที่มาของข้อมูล Central News Agency
2018-11-23

รองประธานาธิบดีเฉินเจี้ยนเหริน เข้าร่วมพิธีมอบรางวัล Global Corporate Sustainability Awards (ภาพโดยทำเนียบประธานาธิบดี) วันที่ 22 พ.ย. 61

รองประธานาธิบดีเฉินเจี้ยนเหริน เข้าร่วมพิธีมอบรางวัล Global Corporate Sustainability Awards (ภาพโดยทำเนียบประธานาธิบดี) วันที่ 22 พ.ย. 61

รองประธานาธิบดีเฉินชี้ การพัฒนาอย่างยั่งยืนเป็นภาระหน้าที่ของไต้หวัน ซึ่งต้องขอรับการสนับสนุนจากภาคธุรกิจ

CNA วันที่ 22 พ.ย. 61

การประชุม Global Corporate Sustainability Forum 2018 ได้เปิดฉากขึ้นในวันที่ 22 พฤศจิกายนที่ผ่านมา รองประธานาธิบดีเฉินเจี้ยนเหรินกล่าวว่า ไต้หวันต้องมีส่วนร่วมในด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งนอกจากภาครัฐจะผลักดันนโยบายที่เกี่ยวข้องออกมาแล้ว ยังต้องได้รับความสนับสนุนจากภาคธุรกิจด้วย จึงจะสามารถบรรลุเป้าหมายของการพัฒนาอย่างยั่งยืนได้

 

การประชุม Global Corporate Sustainability Forum มี Taiwan Institute for Sustainable Energy (TAISE)  เป็นเจ้าภาพ สำหรับในปีนี้จัดขึ้นในหัวข้อ “Action for Corporate Sustainability” และมีการจัดพิธีมอบรางวัล Global Corporate Sustainability & Taiwan Corporate Sustainability โดยมีผู้ได้รับรางวัลรวม 157 องค์กร รองประธานาธิบดีเฉินเจี้ยนเหริน และศจ.จางฉวนจาง รองประธานคณะกรรมการกำกับดูแลทางการเงิน (FSC) เข้าร่วมงานด้วย

 

ในระหว่างกล่าวปราศรัยรองประธานาธิบดีเฉินชี้ว่า ในฐานะที่ไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของประชาคมโลก จึงมีหน้าที่ที่จะต้องผลักดันการพัฒนาอย่างยั่งยืน และเพื่อผลักดันการพัฒนาอย่างยั่งยืนให้สอดคล้องกับทั่วโลก รัฐบาลได้จัดตั้งคณะทำงานเพื่อลดคาร์บอนและลดการใช้พลังงานขึ้นภายใต้สภาบริหาร โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมนโยบายด้านการลดการใช้พลังงานและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ได้ผลักดันโครงการสังคมแห่งนวัตกรรมขึ้น โดยมีเป้าหมายที่จะใช้การบูรณาการด้านเทคโนโลยี ทรัพยากร และสังคม มาผลักดันให้เกิดความเจริญอย่างยั่งยืนในสังคม ซึ่งจะสอดคล้องกับเป้าหมายในด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติและกระตุ้นให้เกิดเศรษฐกิจและสังคมที่เปี่ยมด้วยความเข้าอกเข้าใจผู้อื่น

 

นอกจากรัฐบาลจะผลักดันนโยบายด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนแล้ว ดร.เฉินเจี้ยนเหรินยังย้ำว่า จะต้องได้รับความสนับสนุนจากภาคธุรกิจและประชาชนในการมีส่วนร่วม จึงจะสอดคล้องกับภาพการพัฒนาอย่างยั่งยืนของทั่วโลก

 

นอกจากนี้ ศจ.จางฉวนจางยังกล่าวในที่ประชุมด้วยว่า นอกจาก FSC จะผลักดันโครงการตลาดทุนที่สมบูรณ์แข็งแรงแล้ว ยังให้ความช่วยเหลือบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในส่วนของการดำเนินนโยบายด้านความรับผิดชอบทางสังคมเชิงบรรษัท (CSR) ด้วย ซึ่งศจ.เฉินย้ำว่า ก่อนอื่นต้องกำหนดหลักการด้านความรับผิดชอบทางสังคมของเหล่าบรรษัททั้งหลายก่อน จากนั้นในอันดับ 3 จึงจะเป็นการบังคับให้บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ต้องมีการทำรายงานด้าน CSR และถัดมาจะเป็นการตั้ง “ดัชนีแห่งความยั่งยืนของไต้หวัน” โดยใช้ดัชนีที่เห็นได้จากรายงานงบการเงิน เพื่อให้นักลงทุนสามารถใช้เป็นข้อพิจารณาในการเลือกลงทุน และอาศัยพลังจากมวลชนในตลาดเพื่อกระตุ้นให้บริษัทมีการดำเนินการด้าน CSR อย่างเป็นรูปธรรม

ส่วนอันดับ 4 คือการกำหนดให้นักลงทุนแบบสถาบันปฏิบัติตามระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด และอันดับที่ 5 ทาง FSC จะมีการประกาศพิมพ์เขียวฉบับใหม่เกี่ยวกับระเบียบข้อบังคับในการบริหารตนเองของบรรษัทต่างๆ เพื่อยกระดับความโปร่งใสให้เหล่าบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ และกระตุ้นให้เกิดการดำเนินการด้าน CSR อย่างเป็นรูปธรรม

 

โดยผู้ได้รับรางวัล Global Corporate Sustainability Awards ในปีนี้ คือ Christopher Wellise, Chief Sustainability Officer จาก HPE และนายเผิงซวงล่าง ประธานบริษัท AU Optronics Corporation ส่วนรางวัล Best Corporate Sustainability Report ได้แก่ Siemens, HPE, Far Eastern New Century และ Sinyi Realty Inc.