
เรือบรรทุกก๊าซเหลวที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกคือ PACIFIC BREEZE ได้เดินทางออกจากท่าเรือที่ออสเตรเลียโดยมีนายสก็อต มอริสัน นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย และนายอาเบะ ชินโซ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นร่วมเป็นสักขีพยานและใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนจะมาเทียบท่าที่ท่าเรือเกาสงเมื่อวันที่ 26 พ.ย.ผ่านมา (ภาพโดย CPC) สำนักข่าว CNA วันที่ 26 พ.ย. 61
CPC กระจายแหล่งนำเข้าพลังงาน ก๊าซธรรมชาติจากออสเตรเลียล็อตแรกมาถึงไต้หวันแล้ว
สำนักข่าว CNA วันที่ 26 พ.ย. 61
ไต้หวันจำต้องพึ่งพาการนำเข้าพลังงานจากต่างประเทศ และเพื่อกระจายความเสี่ยง บรรษัทการปิโตรเลียมไต้หวัน หรือ CPC จึงได้กระจายแหล่งนำเข้าให้มีความหลากหลายมากขึ้น ล่าสุดก๊าซธรรมชาติล็อตแรกที่สั่งซื้อจากออสเตรเลีย ได้ถูกส่งมาถึงท่าเรือเกาสงแล้วเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ถือเป็นการเปิดศักราชหน้าใหม่ให้กับวงการพลังงานของไต้หวันด้วย
แถลงข่าวของ CPC ระบุว่า เรือบรรทุกก๊าซเหลวที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกคือ PACIFIC BREEZE ได้เดินทางออกจากท่าเรือที่ออสเตรเลียโดยมีนายสก็อต มอริสัน นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย และนายอาเบะ ชินโซ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นร่วมเป็นสักขีพยาน และใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนจะมาเทียบท่าในไต้หวันเมื่อวันที่ 26 พ.ย.ผ่านมา
ตามนโยบายด้านพลังงานของรัฐบาลไต้หวันได้ตั้งเป้าหมายไว้ว่า ภายในปี 2025 จะทำการผลิตไฟฟ้าด้วยก๊าซธรรมชาติร้อยละ 50 จากถ่านหินร้อยละ 30 และจากพลังงานรีไซเคิลร้อยละ 20 ทำให้ปริมาณความต้องการก๊าซธรรมชาติในประเทศเพิ่มสูงขึ้น และเพื่อให้การนำเข้าแหล่งพลังงานเป็นไปอย่างมีเสถียรภาพ CPC จึงต้องหาแหล่งนำเข้าใหม่ๆ โดยในปี 2012 ได้ลงนามในสัญญาสั่งซื้อกับประเทศออสเตรเลีย เพื่อสั่งซื้อก๊าซเหลวธรรมชาติ Ichthys ปริมาณ 1.75 ล้านตันต่อปีเป็นเวลา 15 ปี
และหากพิจารณาถึงปริมาณนำเข้าในปี 2019 แล้ว ปริมาณ 1.75 ล้านตันจะคิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 10.5 แต่จะคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 7.4 ของปริมาณความต้องการใช้รวม 23.54 ล้านตันตามเป้าหมายของกรมพลังงานในปี 2025
ทั้งนี้ แหล่งขุดเจาะก๊าซเหลวธรรมชาติ Ichthys จะอยู่ในน่านน้ำทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของออสเตรเลีย ซึ่งมีบริษัท INPEX ของญี่ปุ่นและบริษัท TOTAL ของฝรั่งเศสเป็นผู้ลงทุนรายใหญ่ โดย ในปี 2014 CPC ของไต้หวันก็ได้ถือครองหุ้นคิดเป็นจำนวนร้อยละ 2.625 ถือเป็น 1 ในโครงการลงทุนด้านพลังงานในออlเตรเลียของไต้หวัน และโครงการนี้ทำให้สัดส่วนการถือครองแหล่งพลังงานธรรมชาติของไต้หวันมีโอกาสเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 2.2 เป็นร้อยละ 3.3
CPC ชี้ว่า ร้อยละ 80 ของก๊าซธรรมชาติที่ไต้หวันนำเข้านั้น จะใช้ในการผลิตไฟฟ้า และเพื่อตอบสนองความต้องการใช้งานที่เพิ่มมากขึ้น จึงจำเป็นต้องหาแหล่งนำเข้าให้มากขึ้น และจะมีการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับระบบส่งก๊าซในประเทศต่อไปด้วย
ทั้งนี้ ออสเตรเลีย การ์ตา และสหรัฐฯ คือ 3 ประเทศที่เป็นผู้ส่งออกก๊าซธรรมชาติรายหลักของโลก ซึ่งCPC ชี้ว่า ทั้งการ์ตาและออสเตรเลียต่างก็ถือเป็นแหล่งนำเข้าที่ใหญ่ที่สุดของไต้หวัน ในขณะที่เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา CPC ก็ได้มีการลงนามในสัญญาสั่งซื้อกับบริษัท Cheniere ของสหรัฐฯ โดยจะเริ่มการนำเข้าก๊าซธรรมชาติปริมาณ 2 ล้านตันต่อปี ตั้งแต่ปี 2021 เป็นต้นไปเป็นเวลานาน 25 ปี เพื่อเป้าหมายในการวางกลยุทธ์ด้านแหล่งนำเข้าและการจัดส่งก๊าซธรรมชาติ อันจะนำไปสู่ความสมดุลย์ด้านพลังงงานของประเทศ