
ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน กล่าวสุนทรพจน์เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ 1 มกราคม 2562 ที่ทำเนียบประธานาธิบดี ระบุถึงเป้าหมายใหม่ในการบริหารประเทศของรัฐบาล สำนักข่าว CNA วันที่ 1 ม.ค. 62
สุนทรพจน์วันขึ้นปีใหม่ ปธน.ไช่อิงเหวินชี้ โรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร สองฝั่งช่องแคบไต้หวันยังร่วมมือกันไม่ได้ จะเป็นสายเลือดเดียวกันได้อย่างไร
สำนักข่าว CNA วันที่ 1 ม.ค. 62
ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำไต้หวัน สาธารณรัฐจีน กล่าวสุนทรพจน์เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ ระบุถึงปัญหาสองฝั่งช่องแคบไต้หวันว่า “แม้แต่สถานการณ์และการป้องกันโรคระบาด ก็ไม่มีความจริงใจที่จะร่วมมือกัน สองฝั่งช่องแคบไต้หวันจะถือว่าเป็นสายเลือดเดียวกันได้อย่างไร” พร้อมเรียกร้องให้สองฝั่งช่องแคบไต้หวันร่วมมือกันด้านชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ดีกว่าที่จะเอาแต่บังคับให้นักการเมืองไต้หวันเอ่ยรหัสออกมาเท่านั้น”
ปธน.ไช่อิงเหวินได้กล่าวสุนทรพจน์วันขึ้นปีใหม่เมื่อเช้าวันที่ 1 มกราคม 2562 ที่ทำเนียบประธานาธิบดี ระบุถึงความสัมพันธ์ระหว่างสองฝั่งช่องแคบไต้หวันโดยเสนอหลักการ “4 ต้อง” และ “3 เครือข่ายป้องกัน”
โดยหลักการ “4 ต้อง” ประกอบด้วย 1. จีนแผ่นดินใหญ่ต้องเคารพความคงอยู่ของไต้หวัน สาธารณรัฐจีน 2. ต้องเคารพการยืนหยัดในระบอบประชาธิปไตยของชาวไต้หวันจำนวน 23 ล้านคน 3. ต้องใช้สันติวิธีและหลักความเสมอภาคมาแก้ไขปัญหาไต้หวัน 4. ต้องเปิดเจรจากันโดยผ่านหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายอำนาจจากรัฐบาลทั้งสองฝ่าย พร้อมย้ำว่า หลักการ “4 ต้อง” คือรากฐานสำคัญในการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ฝั่งช่องแคบไต้หวันสู่เชิงบวกได้หรือไม่?
ปธน.ไช่อิงเหวินยังย้ำว่า จีนอาศัยเสรีภาพและประชาธิปไตยที่เปิดกว้าง มาแทรกแซงการเมืองและการพัฒนาสังคมไต้หวัน นี่คือความท้าทายใหญ่หลวงที่ไต้หวันกำลังเผชิญอยู่ เพื่อปกป้องความปลอดภัยของไต้หวัน จึงต้องสร้างเครือข่ายป้องกัน 3 ชั้น ซึ่งประกอบด้วย “เครือข่ายความปลอดภัยในการดำรงชีวิตของประชาชน” “เครือข่ายความปลอดภัยด้านข้อมูลข่าวสาร” และ ”เครือข่ายปกป้องประชาธิปไตย”
ผู้นำไต้หวันระบุว่า หากจะกล่าวถึงความท้าทายและสถานการณ์ด้านการเมืองและเศรษฐกิจโลกปี 2019 ก็ไม่อาจมองข้ามการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองฝั่งช่องแคบไต้หวัน พร้อมกล่าวว่า การเลือกตั้งระดับท้องถิ่น 9 รายการซึ่งถือเป็นบททดสอบครั้งสำคัญของรัฐบาล กระนั้นก็ตามผลการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ได้หมายความว่า ประชาชนชาวไต้หวันต้องการละทิ้งอธิปไตยของชาติ และอยากจะละทิ้งความเป็นเอกเทศแต่อย่างใด
ผู้นำไต้หวันยังเผยว่า ท่านไม่ได้คัดค้านการปฏิสัมพันธ์และการแลกเปลี่ยนระหว่างเมืองต่างๆของสองฝั่งช่องแคบไต้หวัน แต่การติดต่อแลกเปลี่ยนต้องเป็นไปอย่างปกติ ไม่ควรมีการกำหนดเงื่อนไขด้านการเมืองที่ไม่ชัดเจนหรือบังคับให้มีการเอ่ยรหัสลับออกมา ทั้งสองฝ่ายควรต้องทำความเข้าใจซึ่งกันและกันอย่างแท้จริง ทั้งในด้านค่านิยม ความเชื่อ วิถีการดำรงชีวิตและระบอบการเมืองการปกครองที่ต่างกัน
สำหรับ “เครือข่ายความปลอดภัยในการดำรงชีวิตของประชาชน” นั้น ปธน.ไช่อิงเหวินได้ยกตัวอย่าง ภารกิจป้องกันการแพร่ระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร ที่รัฐบาลจีนไม่ได้ปฏิบัติตามข้อตกลง ที่ต้องแจ้งข้อเท็จจริงหรือข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้ไต้หวันรับรู้ในทันที หากโรคนี้แพร่ระบาดเข้าสู่ไต้หวัน นอกจากจะส่งผลเสียหายอย่างรุนแรงต่ออุตสาหกรรมเลี้ยงสุกรไต้หวันแล้ว ยังจะกระทบต่อชีวิตประจำวันของผู้คนและเศรษฐกิจไต้หวันด้วย ยิ่งไปกว่านั้นคือจะทำให้คนไต้หวันเกิดความรู้สึกในแง่ลบต่อฝั่งตรงข้าม
ปธน.ไช่อิงเหวินแสดงความเห็นว่า “แม้แต่สถานการณ์และการป้องกันโรคระบาด ยังไม่มีความจริงใจที่จะร่วมมือกัน สองฝั่งช่องแคบไต้หวันจะถือว่าเป็นสายเลือดเดียวกันได้อย่างไร? สองฝั่งช่องแคบไต้หวันควรร่วมมือกันด้านชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ดีกว่าที่จะเอาแต่บังคับให้นักการเมืองไต้หวันท่องรหัสการติดต่อเท่านั้น” พร้อมเรียกร้องให้ทางการจีนแผ่นดินใหญ่เลิกอคติและคิดเป็นศัตรูกับไต้หวัน
ในส่วนของ “เครือข่ายความปลอดภัยด้านข้อมูลข่าวสาร” ปธน.ไช่อิงเหวินระบุว่า นอกจากการยกระดับแสนยานุภาพด้านการป้องกันประเทศแล้ว การป้องกันความปลอดภัยของชาติยังต้องขยายขอบเขตไปถึงสงครามข้อมูลข่าวสารด้วย เนื่องจาก “ประชาธิปไตยถูกแทรกแซงได้” และนี่คือปัญหาที่ประเทศประชาธิปไตยจำนวนมากกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ ข่าวปลอมที่มาจากฝั่งตรงข้ามทำให้ประชาชนหวาดวิตก ซึ่งท่านได้สั่งให้สภาบริหารเร่งหาวิธีการมาตรการรับมือที่เป็นรูปธรรมแล้ว
ปธน.ไช่อิงเหวินกล่าวอีกว่า ในระยะนี้ ประเด็นขัดแย้งด้านความปลอดภัยของข้อมูลข่าวสารที่เกิดจากกลุ่มธุรกิจจีน กลายเป็นจุดสนใจของทั่วโลก ท่านได้สั่งการให้หน่วยงานด้านความปลอดภัยแห่งชาติให้ความสำคัญและทำความเข้าใจปัญหานี้อย่างจริงจัง เพื่อรับประกันความปลอดภัยของอุปกรณ์พื้นฐานด้านสารสนเทศและการสื่อสาร และเพื่อไม่ให้เกิดช่องโหว่ใดๆ
สำหรับ “เครือข่ายปกป้องประชาธิปไตย” นั้น ปธน.ไช่อิงเหวินกล่าวว่า ประเด็นการเมืองระหว่างสองฝั่งช่องแคบไต้หวันไม่ควรใช้วิธีบังคับไต้หวันให้ยอมรับแนวคิดของอีกฝ่าย การเจรจาด้านการเมืองระหว่างทั้งสองฝ่ายต้องให้คนไต้หวันได้เข้าร่วมและสอดส่อง ท่านได้สั่งการให้หน่วยงานด้านปลอดภัยแห่งชาติศึกษาวิจัย เพิ่มกลไกสอดส่องการปฏิสัมพันธ์ระหว่างสองฝั่งช่องแคบไต้หวันที่อาจจะกระทบต่ออธิปไตยของชาติ โดยอาศัยระบบกฎหมาย ภายใต้ระบอบประชาธิปไตย มาเสริมสร้างเครือข่ายปกป้องประชาธิปไตยให้แก่ไต้หวัน