หนังสือพิมพ์ Economy Daily News วันที่ 25 ม.ค. 62
สถาบัน Heritage Foundation และนสพ.วอลล์สตรีท เจอร์นัลร่วมกันประกาศรายงานดัชนีชี้วัดเสรีภาพทางเศรษฐกิจประจำปีค.ศ.2019” ในวันนี้ (25 ม.ค.) ไต้หวันถูกจัดอยู่ใน 10 อันดับแรกที่เศรษฐกิจเสรีที่สุดในโลกจาก 180 ประเทศ ซึ่งเป็นอันดับที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ปีค.ศ.2008 เป็นต้นมา ในภูมิภาคเอเชียความเสรีทางเศรษฐกิจของไต้หวันนำหน้าญี่ปุ่นและเกาหลี
ในด้านภาพรวมเสรีภาพทางเศรษฐกิจ สถาบัน Heritage Foundation ชื่นชมในข้อกฎหมายทางธุรกิจการค้าที่สมบูรณ์แบบและนโยบายการเปิดตลาดเสรีของไต้หวันสาธารณรัฐจีน สินค้าและเงินทุนที่มีการไหลเวียนได้อย่างเสรี เป็นผลให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมพัฒนารุดหน้าไปได้มากยิ่งขึ้น และถือเป็นกำลังหลักสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของไต้หวัน
คณะกรรมการพัฒนาแห่งชาติระบุว่า เมื่อต้นปีที่แล้ว ได้ทำการแก้ไขกฎหมายมาตรฐานแรงงาน ปรับปรุงเงื่อนไขการทำงาน เพื่อให้สอดคล้องกับสิทธิประโยชน์ของทั้งนายจ้างและลูกจ้าง ส่งผลให้ตลาดแรงงานมีความยืดหยุ่นมากขึ้น เป็นเหตุให้การประเมินด้านเสรีภาพทางแรงงาน มีผลคะแนนเพิ่มขึ้นถึง 6 คะแนน ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้อันดับในภาพรวมสูงขึ้น
ตัวชี้วัดด้านสิทธิ์ในทรัพย์สิน ประสิทธิภาพด้านตุลาการ การใช้จ่ายภาครัฐ ความมั่นคงทางการคลัง เสรีภาพของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา เสรีภาพทางการค้าเป็นต้นของไต้หวันในปีนี้ ต่างก็มีพัฒนาการที่ดีขึ้นจากปีที่แล้ว
ในตัวชี้วัดอื่นๆ เช่น เสรีภาพการลงทุน เสรีภาพระบบการเงิน ยังคงรักษาอยู่ในระดับเดิม หากแต่ภาระภาษีกลับถอยหลังจากเดิม 1.1 คะแนน เนื่องมาจากการเพิ่มภาษีเงินได้นิติบุคคลจาก 17% เป็น 20%
ในส่วนนี้ คณะกรรมการพัฒนาแห่งชาติไต้หวันชี้แจงว่า ก่อนหน้านี้ ได้นำร่างกฎหมายว่าด้วยการลงทุนของชาวต่างชาติ และร่างกฎหมายว่าด้วยการลงทุนของชาวจีนโพ้นทะเล ซึ่งมีการผ่อนคลายการลงทุนของชาวต่างชาติส่งให้สภานิติบัญญัติเพื่อพิจารณาอนุมัติแล้ว นอกจากนี้ คณะกรรมการกำกับดูแลสถาบันการเงิน ยังมีการผลักดันเพื่อให้มีการผ่อนคลายระเบียบกฎหมายด้านการเงินอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลให้ไต้หวันมีอันดับสูงขึ้นในอนาคต
สถาบัน Heritage Foundation เสนอต่อไต้หวันว่า ขณะที่ผลักดันเป้าหมายในการลดการพึ่งพาจากประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ ไต้หวันควรที่จะยกมาตรฐานการแข่งขันและเปิดตลาดอย่างต่อเนื่อง คณะกรรมการพัฒนาแห่งชาติตอบว่า ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลได้เร่งส่งเสริมผลักดัน มาตรการต้อนรับนักธุรกิจไต้หวันกลับมาลงทุนที่บ้านเกิด มุ่งเน้นไปยังความต้องการของภาคธุรกิจ ให้บริการที่สอดคล้องต่อความต้องการของแต่ละบุคคล ไม่ว่าจะเป็นนโยบายหรือมาตรการที่ดึงดูดใจนักลงทุน อาทิ ที่ดิน ไฟฟ้า น้ำ บุคลากร ภาษี และเงินทุน ทั้งนี้ก็เพื่อช่วยเหลือต้องการเป็นแรงหนุนให้นักธุรกิจไต้หวันกลับมาลงทุนที่บ้านเกิด
คณะกรรมการพัฒนาแห่งชาติให้ข้อสรุปว่า ผลลัพธ์การประเมินเสรีภาพทางเศรษฐกิจในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความพยายามของไต้หวันในด้านการยกระดับเสรีภาพทางเศรษฐกิจได้รับการยอมรับจากนานาชาติ ในอนาคตจะยิ่งกำชับให้แต่ละหน่วยงานผ่อนปรนกฏระเบียบต่างๆ มากขึ้น เพื่อสร้างสรรค์สิ่งแวดล้อมทางการค้าที่ดียิ่งๆ ขึ้นไป