ช้ามไปยังส่วนข้อมูลหลัก
ปธน.ไช่อิงเหวินย้ำ ไต้หวันและภาคเอกชนสามารถร่วมกันสร้างเสถียรภาพ ความสามารถตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลง และมีความก้าวหน้ามากขึ้น
2019-02-15

ปธน.ไช่อิงเหวิน แห่งไต้หวันสาธารณรัฐจีน ได้เข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองตรุษจีนของกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ทำเนียบประธานาบดี วันที่13ก.พ.62

ปธน.ไช่อิงเหวิน แห่งไต้หวันสาธารณรัฐจีน ได้เข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองตรุษจีนของกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ทำเนียบประธานาบดี วันที่13ก.พ.62

ทำเนียบประธานาบดี วันที่ 13 ก.พ. 62
 

เมื่อวันที่ 13ก.พ. ที่ผ่านมา ปธน.ไช่อิงเหวิน แห่งไต้หวันสาธารณรัฐจีน ได้เข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองตรุษจีนของกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมทั่วประเทศ พร้อมย้ำว่าในปีใหม่นี้ รัฐบาลจะดำเนินภารกิจสำคัญ 3 ประการ ได้แก่ การขยายความต้องการบริโภคภายในประเทศอย่างเต็มกำลัง ยกระดับภาคอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง และพัฒนาสิ่งแวดล้อมด้านการลงทุนให้ดีมากยิ่งขึ้น เพื่อที่ไต้หวันและภาคเอกชน จะสามารถร่วมมือกันในการสร้างเสถียรภาพ ความสามารถตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลง และมีความก้าวหน้ามากขึ้น ภายใต้สถานการณ์ที่มีแต่ปัจจัยแห่งความไม่แน่นอนนี้

 

ปธน.ไช่ฯ ชี้ว่าธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) คือหัวใจสำคัญของเศรษฐกิจไต้หวัน โดยมีผู้ประกอบการ SMEs ในไต้หวันมากกว่า1.43 ล้านรายทั่วประเทศ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 97 ของจำนวนธุรกิจทั้งหมด และที่สำคัญคือได้สร้างตำแหน่งงานให้ไต้หวันมากกว่า 8.9 ล้านตำแหน่ง

 

ปธน.ไช่ฯ ยังชี้ว่า ธุรกิจ SMEs ของไต้หวันมีความกล้าในการเผชิญหน้ากับความท้าทาย และมีความคล่องตัว และในขณะเดียวกันก็มีความตั้งใจและยืนอยู่ในพื้นฐานของความเป็นจริง ซึ่งไม่เพียงแต่จะสามารถสร้างความมหัศจรรย์แห่งเศรษฐกิจของประเทศ แต่ยังสามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นหลายครั้งบนเวทีโลกได้เป็นอย่างดี ก่อนจะสามารถค้นหารากฐานใหม่เพื่อการพัฒนาต่อไปในภายภาคหน้า จึงถือได้ว่ากลุ่มธุรกิจ SMEs ถือเป็นพลังผลักดันทางเศรษฐกิจที่สำคัญของไต้หวัน

 

ปธน.ไช่ฯ ยังกล่าวว่า เชื่อว่าทุกคนคงจะสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจโลกในขณะนี้ จากอิทธิพลของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ซึ่งหน่วยงานของรัฐบาลที่เกี่ยวข้องต่างก็ได้เริ่มดำเนินการตามมาตรการรองรับผลกระทบที่เกิดขึ้นแล้ว ทั้งการดึงดูดการลงทุน รวมไปจนถึงการขยายความต้องการบริโภคภายในประเทศ โดยเราจะต้องเตรียมตัวให้พร้อม เพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในทุกด้าน

 

ปธน.ไช่เน้นย้ำว่า ในปีนี้รัฐบาลจะดำเนินนโยบายตามภารกิจ 3 ประการด้วยกัน เพื่อที่ภาคเอกชนจะสามารถร่วมมือกันในการสร้างเสถียรภาพ ความสามารถตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลง และมีความก้าวหน้ามากขึ้น ภายใต้สถานการณ์ที่มีแต่ปัจจัยแห่งความไม่แน่นอนนี้ โดยประการแรกคือ ดำเนินการขยายความต้องการภายในประเทศอย่างเต็มกำลัง ซึ่งรัฐบาลได้เร่งรัดการดำเนินโครงการก่อสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานแห่งอนาคต (Forward-Looking Infrastructure Plan) พร้อมนี้ ยังดำเนินนโยบายอุดหนุนให้คนไต้หวันเดินทางท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น พร้อมลดภาระด้านภาษีอากรให้ประชาชน เพื่อเพิ่มความร้อนแรงให้กับเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยใช้การขยายตัวของความต้องการในประเทศ มาเป็นแรงผลักดันให้เศรษฐกิจมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

 

ปธน.ไช่ฯกล่าวต่อในประการที่สองว่า จะเน้นทำการยกระดับอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง หลังจากผลักดันการพัฒนาอุตสาหกรรมด้านนวัตกรรม "5+2" อย่างสุดกำลังมาเป็นช่วงระยะเวลาหนึ่ง ในขณะนี้ก็เริ่มเห็นผลสัมฤทธิ์ขึ้นมาแล้ว จึงหวังให้อุตสาหกรรมหลักเป็นตัวนำในการยกระดับการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้

 

โดยประธานาธิบดีไช่ฯ ได้กล่าวเสริมอีกว่า ประการที่ 3 ที่ต้องทำคือ การสร้างสภาพแวดล้อมในการลงทุนที่ดีขึ้น ซึ่งขณะนี้ รัฐบาลก็กำลังเร่งแก้ไขปัญหาการขาดแคลน 5 อย่าง โดยจัดตั้งสำนักงานการลงทุนไต้หวัน พร้อมออกมาตรการต้อนรับการกลับมาลงทุนในไต้หวันของเหล่านักลงทุนไต้หวันที่เคยไปลงทุนในต่างประเทศ ด้วยความหวังว่า จะสามารถช่วยขจัดอุปสรรคทางการลงทุน และลดความเสี่ยงในการลงทุน ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจโลกที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนในปัจจุบัน

 

ปธน.ไช่ฯ ย้ำอีกว่า ไต้หวันยินดีอ้าแขนต้อนรับนักธรุกิจไต้หวันกลับมาลงทุนที่บ้านเกิด หรือเพิ่มการลงทุนให้มากขึ้น ความเปลี่ยนแปลงและการปรับโครงสร้างต่างก็ถือเป็นเรื่องท้าทาย แต่ในช่วงระหว่างการยกระดับและปรับโครงสร้างธุรกิจนี้ รัฐบาลจะร่วมกับทุกคนในการเผชิญหน้าและให้การสนับสนุนอย่างเต็มกำลัง เพื่อยกระดับการแข่งขันทางอุตสาหกรรมให้มีพัฒนาการที่ดีขึ้น

 

ในช่วงท้าย ปธน.ไช่ฯ กล่าวว่า ในปีใหม่นี้ขอให้พวกเราเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังและความมั่นใจ พร้อมทั้งดึงเอาจิตวิญญาณความพยายามในการต่อสู้ของคนไต้หวันออกมา ร่วมมือกันในการพัฒนาเศรษฐกิจ และทำให้เศรษฐกิจของประเทศมีการเติบโตขึ้นอย่างเรารู้สึกได้