
ภาพถ่าย1จาก “เมื่อตอนรถไฟขับผ่านในปีนี้แล้ว” กระทรวงวัฒนธรรม วันที่ 18 ก.พ. 62
กระทรวงวัฒนธรรม วันที่ 18 ก.พ. 62
ภาพยนตร์สารคดีสั้นเรื่องล่าสุดของหวงปังฉวน ผู้กำกับไต้หวันที่เคยเดินทางศึกษาต่อที่ฝรั่งเศส เรื่อง “เมื่อปีที่แล้ว ตอนรถไฟวิ่งผ่าน” (Last Year When the Train Passed By) ได้รับการคัดเลือกให้เข้าฉายในเทศกาลภาพยนตร์สารคดีรายปักษ์ประจำปี 2019 (MoMA Doc Fortnight 2019) ที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยนครนิวยอร์ก โดยจะออกฉายรอบปฐมทัศน์ในทวีปอเมริกาเหนือในวันที่ 23 และ 27ก.พ. 62 โดยเมื่อวันที่ 9 ก.พ. ที่ผ่านมา ภายนตร์สารคดีสั้นเรื่องนี้ เพิ่งจะได้รับรางวัลชนะเลิศประเภทภาพยนตร์ทดลองในเทศกาลภาพยนตร์ Clermont-Ferrand International Short Film Festival ซึ่งเป็นเทศกาลภาพยนตร์สั้นระดับนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยเป็นการคว้ารางวัลชนะเลิศเป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกันของหวงปังฉวนด้วย
โดยหวงปังฉวน จบการศึกษาด้านภาพยนตร์จากมหาวิทยาลัย University of Paris III : Sorbonne Nouvelle ในกรุงปารีส และได้เข้าทำงานในสตูดิโอศิลปะร่วมสมัยแห่งชาติ Le Fresnoy ของฝรั่งเศส และเคยอยู่ภายใต้การชี้แนะจาก Béla Tarr ผู้กำกับภาพยนตร์ชาวฮังการีที่มีชื่อเสียงระดับโลก ภาพยนตร์สารคดีสั้นเรื่อง “เมื่อปีที่แล้ว ตอนรถไฟวิ่งผ่าน” ที่ได้รับคัดเลือกให้เข้าฉายในปีนี้ ใช้กล้องถ่ายภาพยนตร์แบบ Super 8mm และใช้ฟิล์มในการถ่ายทำ ซึ่งเป็นเรื่องราวที่ต่อยอดมาจากผลงานเรื่องที่แล้ว “รถไฟขบวนขากลับ” โดยถ่ายทอดให้เห็นถึงการนั่งรถไฟข้ามผ่านทวีปยูเรเซีย โดยเป็นการแสดงเรื่องราวของช่วงเวลา 2 ช่วงที่แตกต่างกัน แต่มีความเชื่อมโยงระหว่างกัน กับการเดินทางเพื่อค้นหาความทรงจำกับเรื่องราวของคุณทวดและการเดินทาง โดยเดินทางกลับไปค้นหาผู้คนในบ้านซึ่งอยู่ในภาพภ่าย ซึ่งถ่ายไว้ขณะนั่งรถไฟเมื่อปีที่แล้ว และมีการสนทนากับผู้ที่ปรากฎอยู่ในสารคดี
“เมื่อปีที่แล้ว ตอนที่รถไฟวิ่งผ่าน” เคยได้รับคัดเลือกเข้าร่วมงานเทศกาลภาพยนตร์ Festival del film Locarno ของสวิตเซอร์แลนด์ และถูกคัดเลือกให้เข้าประกวดในรอบนานาชาติของ International Documentary Filmfestival Amsterdam ( IDFA ) และยังได้รับรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมนานาชาติ จากเทศกาลภาพยนตร์สั้นที่ลอนดอน การที่ถูกคัดเลือกให้เข้าเทศกาลภาพยนตร์สารคดีสั้นรายปักษ์ของ MoMA ในครั้งนี้ หวงปังฉวนเห็นว่า ต้องขอบคุณผู้ที่มีส่วนช่วยในการถ่ายทำสารคดีเรื่องนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต้องขอบคุณหลินเฉียงที่ทำดนตรีประกอบให้