ช้ามไปยังส่วนข้อมูลหลัก
ไต้หวันอดเข้าร่วมการประชุม WHO ปธน.ไช่ฯ ประท้วง ระบุ ใช้เหตุผลทางการเมือง
2019-03-05

ปธน. ไช่อิงเหวิน (ขวา) ได้ให้การต้อนรับ Hon. Kenneth A. Kedi (ซ้าย) ประธานรัฐสภาสาธารณรัฐหมู่เกาะมาร์แชลล์ ซึ่งเป็น 1 ในประเทศพันธมิตรของไต้หวัน ปธน.ไช่ฯ กล่าวว่า เพราะเหตุผลทางการเมือง ส่งผลให้ไต้หวันไม่สามารถเข้าร่วมประชุมคัดเลือกสายพันธุ์ไวรัสไข้หวัดใหญ่สำหรับผลิตวัคซีนได้ สำหรับประเด็นนี้ “เราได้ยื่นประท้วงอย่างรุนแรงไปแล้ว” สำนักข่าว CNA วันที่ 4 มี.ค. 62

ปธน. ไช่อิงเหวิน (ขวา) ได้ให้การต้อนรับ Hon. Kenneth A. Kedi (ซ้าย) ประธานรัฐสภาสาธารณรัฐหมู่เกาะมาร์แชลล์ ซึ่งเป็น 1 ในประเทศพันธมิตรของไต้หวัน ปธน.ไช่ฯ กล่าวว่า เพราะเหตุผลทางการเมือง ส่งผลให้ไต้หวันไม่สามารถเข้าร่วมประชุมคัดเลือกสายพันธุ์ไวรัสไข้หวัดใหญ่สำหรับผลิตวัคซีนได้ สำหรับประเด็นนี้ “เราได้ยื่นประท้วงอย่างรุนแรงไปแล้ว” สำนักข่าว CNA วันที่ 4 มี.ค. 62

สำนักข่าว CNA วันที่ 4 มี.ค. 62
 

ประธานาธิบดี ไช่อิงเหวิน แห่งสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) กล่าวปราศรัยขณะให้การต้อนรับคณะตัวแทนจากสาธารณรัฐหมู่เกาะมาร์แชลล์ว่า เพราะเหตุผลทางการเมือง ส่งผลให้ไต้หวันไม่สามารถเข้าร่วมการประชุมคัดเลือกสายพันธุ์ไวรัสไข้หวัดใหญ่สำหรับผลิตวัคซีนขององค์การอนามัยโลกในครั้งนี้ “เราได้ยื่นประท้วงอย่างรุนแรงไปแล้ว” พร้อมกันนี้ได้ย้ำว่า การป้องกันโรคระบาด ไม่ควรมีการแบ่งแยกพรมแดน


 

ช่วงเช้าวันที่21ก.พ. องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้จัดการประชุมคัดเลือกสายพันธุ์ไวรัสไข้หวัดใหญ่สำหรับผลิตวัคซีน ที่กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน แต่กระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการของไต้หวัน กลับได้รับหนังสือเชิญเข้าร่วมการประชุม ในวันเดียวกับวันเปิดการประชุม ในเวลา 01:00 น. จึงเดินทางไปเข้าร่วมงานประชุมครั้งนี้ไม่ทัน ถือเป็นครั้งแรกที่ไต้หวันไม่สามารถเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว นับจากที่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมการประชุมตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นมา


 

เมื่อบ่ายวันที่ 4 มี.ค. ปธน.ไช่ฯ ได้ให้การต้อนรับ Hon. Kenneth A. Kedi ประธานรัฐสภาสาธารณรัฐหมู่เกาะมาร์แชลล์พร้อมด้วยภริยาและคณะผู้ติดตาม ที่ทำเนียบประธานาธิบดี ปธน.ไช่ฯ กล่าวขณะปราศรัยว่า เมื่อช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ การประชุมคัดเลือกสายพันธุ์ไวรัสไข้หวัดใหญ่สำหรับผลิตวัคซีนขององค์การอนามัยโลก ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงปักกิ่ง ไต้หวันไม่สามารถเข้าร่วมได้ เหตุเนื่องมาจากความขัดแย้งทางการเมือง เหตุการ์ณครั้งนี้ ไม่เพียงริดรอนสิทธิมนุษยชนด้านสาธารณสุขของคนไต้หวัน ยังอาจก่อให้เกิดช่องโหว่ของเครือข่ายป้องกันโรคระบาดทั่วโลก สำหรับประเด็นนี้ “เราได้ยื่นประท้วงอย่างรุนแรงไปแล้ว”


 

ปธน.ไช่ฯ แสดงความเห็นเกี่ยวกับกรณีวัคซีนป้องกันโรคระบาดว่า ไม่ควรมีการแบ่งแยกพรมแดน และยิ่งไม่สมควรให้จุดยืนทางการเมืองของประเทศใดประเทศหนึ่ง เป็นอุปสรรคที่ส่งผลให้ไต้หวันไม่สามารถเข้าร่วมการประชุม การกระทำดังกล่าวไม่เพียงแต่ส่งผลเสียต่อไต้หวัน ทั้งยังส่งผลเสียต่อความพยายามป้องกันโรคระบาดของประชาคมโลกด้วย


 

ปธน.ไช่ฯ ระบุว่า ไต้หวันเป็น 1 ในสมาชิกประชาคมโลก มีภารกิจที่ต้องรับผิดชอบต่อสังคมนานาชาติ จะพยายามเข้าร่วมกิจกรรมหรือมีส่วนร่วมในองค์กรที่เกี่ยวข้องต่อไป เพื่อรักษาสิทธิด้านสาธารณสุขของคนในประเทศ และเพื่อสร้างคุณประโยชน์ให้แก่ประชาคมโลกมากยิ่งขึ้น


 

ปธน.ไช่ฯ ชี้ว่า ปีที่แล้วเป็นวาระครบรอบ 20 ปีแห่งสัมพันธภาพระหว่างไต้หวัน – สาธารณรัฐหมู่เกาะมาร์แชลล์ รัฐสภาของมาร์แชลล์ได้ผ่านญัตติที่แสดงถึงความเป็นมิตรไมตรีต่อไต้หวัน ความร่วมมือด้านยุทธศาสตร์ระหว่างไต้หวันกับมาร์แชลล์และโครงสร้างความสัมพันธ์แบบหุ้นส่วนระหว่างกัน ซึ่งเป็นการบัญญัติกฏหมายโดยรัฐสภาเพื่อยืนยันความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไต้หวันกับมาร์แชลล์


 

ปธน.ไช่ฯ กล่าวว่า เมื่อเดือนที่แล้วรัฐสภามาร์แชลล์ยังให้การสนับสนุนไต้หวันอย่างเต็มกำลังอีกครั้ง โดยได้มีการผ่านญัตติที่แสดงถึงความเป็นมิตรไมตรีต่อไต้หวันฉบับใหม่ นอกจากเห็นพ้องกับความเป็นประชาธิปไตยของไต้หวันแล้ว ยังชื่นชมว่าไต้หวันเป็นพันธมิตรที่แท้จริง และให้การยอมรับในคุณประโยชน์ที่ไต้หวันได้อุทิศให้แก่สันติภาพและความรุ่งเรืองในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก สิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นถึงความร่วมมือกันอันยาวนานระหว่างไต้หวันกับกับมาร์แชลล์ว่าเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไป


 

ปธน.ไช่ฯ คาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่า มาร์แชลล์จะให้การสนับสนุนไต้หวันในเวทีสากลต่อไป พร้อมกล่าวว่า ทั้งสองประเทศต่างก้าวผ่านประวัติศาสตร์มาอย่างยากเย็นแสนเข็ญ จึงสามารถมีวันนี้ ที่มีทั้งประชาธิปไตยและเสรีภาพ จากการที่ยึดมั่นในแนวคิดระบอบประชาธิปไตย เสรีภาพและสิทธิมนุษยชน จึงนำมาซึ่งวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ที่มีสันติภาพและประชาธิปไตย


 

ปธน.ไช่ฯ คาดหวังว่า ทั้งสองประเทศจะยึดหลักค่านิยมพื้นฐานซึ่งประกอบด้วย เสรีภาพ และประชาธิปไตย มากระชับความสัมพันธ์ระหว่างกันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ร่วมกันสร้างประสิทธิผลในด้านต่างๆ อาทิ การศึกษา วัฒนธรรม การแพทย์และโครงสร้างพื้นฐาน เป็นต้น