ช้ามไปยังส่วนข้อมูลหลัก
ห้องวิจัยข้ามชาติแห่งแรก ภายใต้ความร่วมมือระหว่างไต้หวัน – สหรัฐฯ คาดหวังค้นพบกุญแจสำคัญของการรักษามะเร็งปอด
2019-03-06

มหาวิทยาลัยหยางหมิง และโรงพยาบาลทหารผ่านศึกไทเป จัดแถลงข่าวเมื่อวันที่ 5 ก.พ. ประกาศว่า ไต้หวันจะร่วมมือกับสถาบันวิจัยมะเร็งแห่งชาติสหรัฐฯ (NCI) จัดตั้งห้องวิจัยข้ามชาติแห่งแรกในไต้หวัน หวังค้นพบกุญแจสำคัญของการรักษาโรคมะเร็งปอด อาทิ การปลดล็อคยีนมะเร็งปอดของคนไต้หวันและคนอเมริกัน การรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด และการรักษาด้วยเซลล์บำบัด เป็นต้น  สำนักข่าว CNA วันที่ 5 มี.ค. 62

มหาวิทยาลัยหยางหมิง และโรงพยาบาลทหารผ่านศึกไทเป จัดแถลงข่าวเมื่อวันที่ 5 ก.พ. ประกาศว่า ไต้หวันจะร่วมมือกับสถาบันวิจัยมะเร็งแห่งชาติสหรัฐฯ (NCI) จัดตั้งห้องวิจัยข้ามชาติแห่งแรกในไต้หวัน หวังค้นพบกุญแจสำคัญของการรักษาโรคมะเร็งปอด อาทิ การปลดล็อคยีนมะเร็งปอดของคนไต้หวันและคนอเมริกัน การรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด และการรักษาด้วยเซลล์บำบัด เป็นต้น สำนักข่าว CNA วันที่ 5 มี.ค. 62

สำนักข่าว CNA วันที่ 5 มี.ค. 62

 

มหาวิทยาลัยหยางหมิง (National Yang-Ming University) และโรงพยาบาลทหารผ่านศึกไทเป (Taipei Veterans General Hospital) ประกาศร่วมมือกับสหรัฐฯ จัดตั้งห้องวิจัยข้ามชาติ ภายใต้แรงส่งเสริมจากภริยาของ Stephen Solarz สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ที่ล่วงลับไปแล้ว โดยมุ่งหวังว่า จะสามารถค้นพบกุญแจสำคัญของการรักษาโรคมะเร็งปอด อาทิ การปลดล็อคยีนมะเร็งปอดของคนไต้หวันและคนอเมริกัน การรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด และการรักษาด้วยเซลล์บำบัดเป็นต้น


 

มหาวิทยาลัยหยางหมิง และโรงพยาบาลทหารผ่านศึกไทเป จัดแถลงข่าวเมื่อวันที่ 5 มี.ค. เพื่อประกาศว่า ไต้หวันได้ร่วมมือกับสถาบันวิจัยมะเร็งแห่งชาติสหรัฐฯ (National cancer institute : NCI) จัดตั้งห้องวิจัยข้ามชาติแห่งแรกขึ้นที่ไต้หวัน รวมระยะเวลาโครงการ เป็นเวลา 5 ปี ในการค้นคว้าวิจัยความต่างทางพันธุกรรมระหว่างคนเอเชียและคนชาติตะวันตก เพื่อพัฒนาสู่การแพทย์แม่นยำ (Precision Medicine)

 

นายหยางมู่หัว รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยหยางหมิงและหัวหน้าศูนย์วิจัยมะเร็ง กล่าวว่า จากสถิติที่กระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการ สาธารณรัฐจีน(ไต้หวัน) จัดทำขึ้น ในปี 2016 มะเร็งปอดเป็น 1ใน 10 สาเหตุการเสียชีวิตของคนไต้หวัน คร่าชีวิตผู้คนกว่า 9,000 คนต่อปี และไม่เพียงแต่ไต้หวัน สหรัฐฯ ก็ประสบกับอัตราการเสียชีวิตจำนวนไม่น้อยกับโรคร้ายนี้เช่นเดียวกัน แสดงให้เห็นว่า มะเร็งปอดเป็นโรคร้ายที่คุกคามชีวิตประชากรในทั้งสองประเทศ


 

นายหยางมู่หัวชี้ว่า ขณะนี้การแพทย์แม่นยำมีเค้าโครงที่เด่นชัดขึ้น แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าไปอีกขั้นของการรักษาโรคมะเร็ง ไม่ว่าจะเป็นการรักษาแบบ Targeted Therapy ที่เป็นการรักษาโดยเจาะจงไปที่การหยุดการเติบโตของเซลล์มะเร็ง หรือวิธียับยั้งการทำงานที่อิมมูนเช็คพอยต์ของเซลล์มะเร็งปอด (Immune Checkpoint Inhibitors)


 

อย่างไรก็ดี จากสถิติพบว่า สาเหตุการเกิดโรคมะเร็งปอดในผู้ป่วยชาวไต้หวัน เกิดจากการเปลี่ยนแปลงด้านโครงสร้าง EGFR (Epidermal growth factor receptor) ซึ่งมีอัตราสูงถึงร้อยละ 50 ในทางกลับกัน คนอเมริกันมีอัตราการเกิดโรคจากสาเหตุดังกล่าว เพียงร้อยละ 20 ดังนั้นการเลือกแผนการรักษาก็แตกต่างกัน ด้วยเหตุนี้เอง ก่อนหน้านี้การวิจัยด้านมะเร็งปอด โดยมากเจาะจงไปที่กลุ่มชาวตะวันตก ซึ่งแม้ว่าจะค้นพบยารักษาที่มีประสิทธิภาพมากเพียงใด ก็ไม่แน่เสมอไปว่าจะเหมาะกับการใช้รักษาผู้ป่วยทุกเชื้อชาติ


 

นายหยางมู่หัวกล่าวว่า เพื่อค้นหาวิธีการรักษาที่ดีขึ้น เราจึงได้ก่อตั้งห้องวิจัยข้ามชาติ ระหว่างไต้หวัน – สหรัฐฯ ขึ้น ภายใต้แรงส่งเสริมจากภริยาของ Stephen Solarz สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ที่ล่วงลับไปแล้ว โดยตั้งชื่อห้องวิจัยแห่งแรก ในนาม Solarz นี่เป็นครั้งแรกที่ไต้หวันและสหรัฐฯ ได้ก่อตั้งห้องวิจัยอย่างเป็นรูปธรรมขึ้น เพื่อกระชับความร่วมมือด้านการวิจัยด้านมะเร็งปอด


 

นอกจากนี้ นายหยางมู่หัวยังได้ระบุว่า ในอนาคตฝ่ายสหรัฐฯ จะส่งนักวิทยาศาสตร์หลายคน เดินทางมาประจำการที่มหาวิทยาลัยหยางหมิง และโรงพยาบาลทหารผ่านศึกไทเป เพื่อร่วมกับทีมนักวิจัยชาวไต้หวันจาก 2 สถาบันดังกล่าว ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านพันธุศาสตร์และพยาธิวิทยาของโรคมะเร็งปอด ทั้งสองหน่วยงานจะเจาะจงวิจัยความต่างของลักษณะเนื้องอกในคนแต่ละชาติพันธุ์ อีกทั้งคาดหวังว่า จะสามารถค้นพบกุญแจสำคัญของการรักษาโรคมะเร็งปอด อาทิ การปลดล็อคยีนมะเร็งปอดของคนไต้หวันและคนอเมริกัน การรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด และการรักษาด้วยเซลล์บำบัดเป็นต้น