ช้ามไปยังส่วนข้อมูลหลัก
รองปธน. คาดหวัง ไต้หวัน – สหรัฐฯ กระชับความสัมพันธ์แบบหุ้นส่วนให้แนบแน่นยิ่งขึ้น ขยายผลการเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกันต่อไป
2019-03-19

รองปธน. เฉินเจี้ยนเหริน ให้การต้อนรับ ทีมนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ทำเนียบประธานาธิบดี

รองปธน. เฉินเจี้ยนเหริน ให้การต้อนรับ ทีมนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ทำเนียบประธานาธิบดี

ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 18 มี.ค. 62

 

รองปธน. เฉินเจี้ยนเหริน แห่งสาธารณรัฐจีน(ไต้หวัน) กล่าวขณะให้การต้อนรับทีมนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดที่เข้าพบคารวะเมื่อบ่ายวันที่ 18 มี.ค. ว่า ปีนี้เป็นวาระครบรอบ 40 ปีแห่งกฎหมายความสัมพันธ์ไต้หวัน คาดหวังว่าไต้หวัน – สหรัฐฯ จะร่วมมือกันในด้านต่างๆ อย่างแน่นแฟ้นต่อไป พร้อมทั้งกระชับความสัมพันธ์แบบหุ้นส่วนให้แนบแน่นมากขึ้น ขยายผลการเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกันต่อไป


 

รองปธน.ชี้ว่า มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ไม่เพียงแต่เป็นสถาบันบ่มเพาะผู้นำและบุคลากรที่มีประสิทธิภาพให้กับทั่วโลก ทั้งยังเป็นศูนย์รวมทางวิชาการที่สำคัญของสหรัฐฯ อีกด้วย “แผนความมั่นคงสหรัฐฯ – เอเชีย” (U.S.-Asia Security Initiative) ที่เสนอโดย เอกอัครราชทูตKarl Eikenberry ได้กลายมาเป็นเวทีที่ใช้แลกเปลี่ยนด้านนโยบายภาครัฐ ภาคเอกชน และภาควิชาการของสหรัฐฯกับเอเชีย และประเด็นที่เกี่ยวกับไต้หวันถูกนำมาหารือกันในหลายแง่มุม ทำให้ทั่วโลกได้รับรู้ถึงความต้องการของไต้หวันมากขึ้น พลังสนับสนุนและความเห็นพ้องในการที่จะปกป้องประชาธิปไตยและเสรีภาพ แข็งแกร่งขึ้นเป็นลำดับ รองปธน. ได้แสดงความขอบคุณต่อความพยายามร่วมกันมาอย่างยาวนานของคณะผู้มาเยือน ที่ทำให้ทั่วโลกมองเห็นและให้ความสำคัญกับไต้หวันมากขึ้น


 

รองปธน.กล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ให้การสนับสนุนไต้หวันในด้านอาวุธยุทโธปกรณ์โดยยึดตามหลักกฎหมายความสัมพันธ์ไต้หวัน และหลักประกัน 6 ประการ เพื่อช่วยเสริมสร้างแสนยานุภาพในการป้องกันประเทศให้แก่ไต้หวัน อีกทั้งเพื่อให้ไต้หวันมีสมรรถภาพและความมั่นใจในการปกป้องสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน ตลอดจนช่วยแสวงหาหนทางให้ไต้หวันเปิดเจรจากับทางการปักกิ่ง เพื่อให้ความสัมพันธ์ของสองฝั่งช่องแคบไต้หวันพัฒนาไปในทางที่ดี รองปธน.เฉินขอแสดงความขอบคุณด้วยใจจริง


 

รองปธน.แถลงว่า แม้ต้องเผชิญกับการคุกคามด้วยกำลังอาวุธจากจีน แต่ไต้หวันยังคงยืนหยัดที่จะพึ่งพาตนเองในการป้องกันประเทศ งบประมาณด้านกลาโหมในปีนี้ กำหนดไว้ที่11,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับปีที่แล้วที่มีงบประมาณเพียง 10,060 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 5.6% โดยงบประมาณด้านกลาโหมคิดเป็น 2.6 % ของมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) งบประมาณที่เพิ่มขึ้น แสดงให้เห็นถึงรัฐบาลไต้หวันยืนหยัดเด็ดเดี่ยวที่จะป้องกันประเทศด้วยการพึ่งพาตนเอง และเพื่อประกาศให้ทั่วโลกรู้ว่าไต้หวันให้ความสำคัญกับแสนยานุภาพด้านการทหาร


 

รองปธน.ย้ำว่า การสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ไต้หวัน เป็นหลักประกันการรุกรานที่ดีที่สุด สิ่งที่ประชาชนไต้หวันปกป้อง ไม่ใช่แค่อำนาจอธิปไตยเท่านั้น แต่ยังหมายรวมถึงประชาธิปไตยและเสรีภาพ ที่ได้มาอย่างยากเข็ญ ความปลอดภัยของไต้หวัน ยังถือเป็นรากฐานแห่งสันติภาพและเสถียรภาพของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอีกด้วย


 

รองปธน.กล่าวว่า ในช่วงเวลาที่เผชิญกับบททดสอบที่ท้าทายต่อคุณค่าประชาธิปไตยและความสงบเรียบร้อยระหว่างประเทศเช่นนี้ ไต้หวันจะยังคงยืนหยัดในคุณค่าของประชาธิปไตยต่อไป และจะร่วมมือกับประเทศที่มีอุดมการณ์คล้ายคลึงกัน พยายามสร้างสันติภาพ เสถียรภาพและความรุ่งโรจน์ให้เกิดแก่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก


 

รองปธน.กล่าวปิดท้ายว่า สหรัฐฯเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดของไต้หวัน ในช่วง 2 ปีกว่าที่ผ่านมานี้ ความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวัน – สหรัฐฯ ได้รับการยกระดับอย่างต่อเนื่อง ปีนี้เป็นวาระครบรอบ 40 ปีแห่งกฎหมายความสัมพันธ์ไต้หวัน คาดหวังว่าไต้หวัน – สหรัฐฯ กระชับความสัมพันธ์แบบหุ้นส่วนให้แนบแน่นยิ่งขึ้น ขยายผลการเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกันต่อไป