เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. ปธน.ไช่อิงเหวิน (ขวา) ผู้นำแห่งสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ให้การต้อนรับคณะ“นักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยในต่างแดน ที่ต้องการทำความเข้าใจกับประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนของไต้หวัน” ที่ทำเนียบปธน. พร้อมกล่าวว่า หลังเกิดเหตุการณ์วันที่ 4 มิถุนายนและเหตุการณ์ฟอร์โมซา ไต้หวันได้ตัดสินใจยืนหยัดแน่วแน่ที่จะก้าวเดินบนเส้นทางแห่งประชาธิปไตยและเสรีภาพ โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่า จีนจะสามารถก้าวเดินบนเส้นทางสายนี้เช่นเดียวกัน ซ้ายมือในภาพคือนายเฉินพั่วคง นักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตย (CNA)
สำนักข่าว CNA วันที่ 3 มิ.ย. 62
เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) แถลงว่า หลังเกิดเหตุการณ์วันที่ 4มิถุนายนหรือเหตุการณ์นองเลือดที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน และเหตุการณ์ฟอร์โมซาที่นครเกาสง ไต้หวันได้ตัดสินใจยืนหยัดแน่วแน่ที่จะก้าวไปสู่เส้นทางแห่งประชาธิปไตยและเสรีภาพ โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่า จีนจะสามารถก้าวเดินบนเส้นทางสายนี้เช่นเดียวกัน ถึงแม้การเดินบนเส้นทางสายนี้ลำบากยากเข็ญยิ่ง แต่หากเราอยู่บนเส้นทางสายเดียวกัน “สิ่งใดที่พวกเราสามารถทำได้ เราจะพยายามทำอย่างเต็มที่” ปธน.ไช่ฯ กล่าว
เมื่อช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ ปธน.ไช่ฯ ได้ให้การต้อนรับ คณะ“นักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยในต่างแดน ที่ต้องการทำความเข้าใจกับประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนของไต้หวัน” พร้อมระบุว่า ในปีนี้เป็นวาระครบรอบ30 ปีของเหตุการณ์วันที่ 4 มิถุนายน ซึ่งประจวบกับเป็นวาระครบรอบ 40 ปีของเหตุการณ์ฟอร์โมซาด้วยเช่นกัน โดยทั้งสองเหตุการณ์นี้ ล้วนเป็นเหตุการณ์ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ในการพัฒนาประชาธิปไตยเป็นอย่างยิ่ง
ปธน.ไช่ฯ ชี้ว่า หลังจากเหตุการณ์วันที่ 4 มิถุนายนและเหตุการณ์ฟอร์โมซาผ่านพ้นไป การพัฒนาประชาธิปไตยของไต้หวันและจีน เริ่มมีเส้นทางและความรุดหน้าที่ต่างกัน ไต้หวันและจีนต่างก็เคยยืนอยู่บนทางแยกที่จำเป็นต้องเลือก ซึ่งท้ายที่สุด ไต้หวันตัดสินใจยืนหยัดแน่วแน่ที่จะก้าวไปบนเส้นทางแห่งประชาธิปไตยและเสรีภาพ แม้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ จีนจะมีการพัฒนาทางเศรษฐกิจที่รุดหน้า แต่เป็นเรื่องน่าเสียดายที่สิทธิมนุษยชนของจีน ยังถูกจำกัดอยู่มาก
ปธน.ไช่ฯ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ไต้หวันเคยมีคดีนักโทษการเมืองเกิดขึ้น แต่จะไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีกในอนาคต และจะยึดมั่นในค่านิยมแห่งประชาธิปไตย ขณะเดียวกัน ไต้หวันก็รู้สึกเป็นห่วงการพัฒนาประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนของจีน ที่เป็นค่านิยมพื้นฐานของประชาชน พร้อมย้ำว่า“หวังเป็นอย่างยิ่งว่า จีนจะสามารถก้าวเดินบนเส้นทางสายนี้เช่นเดียวกัน ถึงแม้การเดินบนเส้นทางสายนี้จะลำบากยากเข็ญยิ่ง แต่หากเราอยู่บนเส้นทางสายเดียวกัน สิ่งใดที่พวกเราสามารถทำได้ เราจะพยายามทำอย่างเต็มที่”