ช้ามไปยังส่วนข้อมูลหลัก
สำนักงานทรัพยากรน้ำไต้หวันนำคณะผู้ประกอบการไต้หวัน เข้าร่วมงานมหกรรมนวัตกรรมสินค้าและบริการด้านทรัพยากรน้ำ ปี 2019 แสวงหาโอกาสทางธุรกิจในกลุ่มประเทศนโยบายมุ่งใต้ใหม่
2019-08-01

สำนักงานทรัพยากรน้ำไต้หวันนำคณะผู้ประกอบการไต้หวัน เข้าร่วมงานมหกรรมนวัตกรรมสินค้าและบริการด้านทรัพยากรน้ำ ปี 2019 แสวงหาโอกาสทางธุรกิจในกลุ่มประเทศนโยบายมุ่งใต้ใหม่

สำนักงานทรัพยากรน้ำไต้หวันนำคณะผู้ประกอบการไต้หวัน เข้าร่วมงานมหกรรมนวัตกรรมสินค้าและบริการด้านทรัพยากรน้ำ ปี 2019 แสวงหาโอกาสทางธุรกิจในกลุ่มประเทศนโยบายมุ่งใต้ใหม่

สำนักงานทรัพยากรน้ำ กระทรวงเศรษฐการสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) วันที่ 31 ก.ค. 62

 

สำนักงานทรัพยากรน้ำ (Water Resources Agency, MOEA) กระทรวงเศรษฐการสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน)ร่วมมือกับสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย โดยได้นำคณะผู้ประกอบการไต้หวัน 9บริษัท เดินทางไปแสวงหาโอกาสทางธุรกิจที่ประเทศเป้าหมายนโยบายมุ่งใต้ใหม่ โดยเข้าร่วมงานมหกรรมนวัตกรรมสินค้าและบริการด้านทรัพยากรน้ำจากไต้หวัน (Expo of Innovative Water Products and Services from Taiwan) ณ สำนักงานแห่งใหม่ของสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเปประจำประเทศไทย ซึ่งเปิดฉากขึ้นเมื่อวันที่ 31 ก.ค.และจัดติดต่อกันเป็นเวลา 3 วัน โดยระหว่างการจัดงานในครั้งนี้ มีบุคคลจากแวดวงอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ภาครัฐและภาคการศึกษา หลายสิบคณะเดินทางมาชมงาน และเสวนากับผู้ประกอบการไต้หวันที่ร่วมจัดแสดงสินค้าในครั้งนี้ด้วย


 

ผู้ประกอบการไต้หวันทั้ง 9 บริษัทยังได้จัดเวทีเจรจาธุรกิจในวันที่ 30 ก.ค. ที่ โรงแรม W Hotel กรุงเทพฯ เพื่อเป็นการอุ่นเครื่องก่อนการจัดงานมหกรรมฯ ในวันถัดไป ดร.ถงเจิ้นหยวน ผู้แทนไต้หวันประจำสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย และนายจงเจากง รองผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรน้ำไต้หวัน ได้ร่วมกล่าวปราศรัยในพิธีเปิดงานมหกรรมนวัตกรรมสินค้าและบริการด้านทรัพยากรน้ำ โดยหวังว่าจะสามารถผลักดันให้ไต้หวันเป็นที่รู้จักในสากลมากขึ้น ตลอดจนเพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจให้กับผู้ประกอบการไต้หวัน ในงานคับคั่งไปด้วยผู้ประกอบการไต้หวันและไทย อาทิ ผู้ประกอบกิจการประปาสัมปทาน บริษัทที่ปรึกษาด้านวิศวกรรม ตัวแทนจำหน่าย และบริษัทที่รับบริหารจัดการมลพิษทางน้ำ กระตุ้นให้เกิดโอกาสความร่วมมือด้านการตลาด การพัฒนาเทคโนโลยีและการลงทุนระหว่างผู้ประกอบการทั้งสองฝ่าย เป็นต้น


 

นายถงเจิ้นหยวน ผู้แทนไต้หวัน กล่าวขณะปราศรัยในพิธีเปิดงานมหกรรมฯ ในวันที่ 31 ก.ค. ว่า จากรายงานสำนักงานการวิจัยแห่งชาติของไทย ระบุว่า ในเดือนพฤษภาคมถึงกรกฎาคมของปีนี้ ไทยเผชิญกับวิกฤตภัยแล้งอย่างหนัก มูลค่าความเสียหายที่เกิดจากภัยพิบัติในครั้งนี้ คาดว่าเกิน 15,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 0.1 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ซึ่งเมื่อช่วงวันที่ 30 ก.ค. ที่ผ่านมาคณะรัฐมนตรีไทยได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหารือแนวทางการแก้ไขปัญหา ที่ประชุมเสนอให้มีการจัดทำแผนระยะยาว 3 โครงการ อันได้แก่ กำหนดแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเป็นระยะเวลา 20 ปี แผนปรับปรุงการพัฒนาพันธุ์พืช และการสร้างคลังข้อมูลน้ำ ดังนั้นจึงจะเห็นได้ว่า ไทยกำลังให้ความสนใจในประเด็นการประยุกต์ใช้ทรัพยากรน้ำอย่างไรให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งเป็นปัญหาที่ไทยกำลังเผชิญอยู่ ณ ขณะนี้ และต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วนที่สุด


 

นายถงเจิ้นหยวน ผู้แทนไต้หวัน ยังแถลงว่า สำนักงานทรัพยากรน้ำไต้หวันได้เสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาทรัพยากรน้ำ 5 ประเภท หรือเรียกโดยย่อว่า “การจัดการทรัพยากรน้ำ 5 ประเภท” อันประกอบด้วย น้ำพอเพียง น้ำสะอาด น้ำหมุนเวียน น้ำเพื่อสุขภาพและน้ำอัจฉริยะ ซึ่งทรัพยากรน้ำทั้ง 5 ประเภทนี้ เป็นตัวบ่งชี้ถึงเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมในไต้หวัน อาทิ การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AI ควบคุมทรัพยากรน้ำที่มีค่าอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อบรรลุเป้าหมายในการแจ้งเตือน เมื่อปริมานน้ำไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ หรือเพื่อป้องกันและจัดการกับอุทกภัย รวมถึงการจัดการบำบัดน้ำเสียจากโรงงานอุตสาหกรรม ตลอดจนการรีไซเคิลทรัพยากรน้ำตามแหล่งน้ำธรรมชาติ เป็นต้น ผู้แทนไต้หวัน เน้นย้ำว่า ไต้หวันมีข้อได้เปรียบและประสบการณ์ด้านการจัดการและประยุกต์ใช้ทรัพยากรน้ำ ซึ่งสามารถให้ความช่วยเหลือในการแก้ปัญหาของไทยได้


 

สินค้านวัตกรรมด้านทรัพยากรน้ำที่นำมาจัดแสดงในครั้งนี้ มีมากมายหลายประเภท ในจำนวนนี้มีผู้ประกอบการที่ดำเนินกิจการเกี่ยวกับ การติดตั้งและพัฒนาระบบป้องกันและจัดการอุทกภัย รวมถึงระบบเตือนภัยอุทกภัยล่วงหน้า โดยสามารถพัฒนาแนวทางแก้ไขปัญหาได้ตรงตามสถานการณ์ภัยพิบัตินั้นๆ นอกจากนี้ยังมีผู้ประกอบการด้านนวัตกรรมเครื่องมือฟื้นฟูคุณภาพน้ำ และน้ำที่มีคุณภาพดีเยี่ยม นำเครื่องกรองน้ำรุ่นใหม่และน้ำจากใต้ทะเลลึกมาร่วมจัดแสดง ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมชาวไทยเป็นอย่างมาก


 

จากการจัดงานมหกรรมสินค้าและเวทีเจรจาธุรกิจในครั้งนี้ ได้กระตุ้นให้เกิดความร่วมมือด้านทรัพยากรน้ำระหว่างสองฝ่าย ซึ่งจะก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเชิงลึกด้านผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีต่างๆ ของภาคเอกชน โดยคาดว่างานมหกรรมฯ ครั้งนี้ จะสามารถสร้างโอกาสทางธุรกิจให้แก่อุตสาหกรรมทรัพยากรน้ำไต้หวัน เป็นมูลค่ากว่าร้อยล้านเหรียญไต้หวัน