กระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการ สาธารณรัฐจีน(ไต้หวัน) ได้ประกาศแผนยุทธศาสตร์ “1 ประเทศ 1 ศูนย์การแพทย์” โดยกำหนดให้โรงพยาบาลจางฮั่วคริสเตียนรับผิดชอบดูแลศูนย์การแพทย์ไต้หวันในไทย โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะสามารถนำอุตสาหกรรมการแพทย์ของไต้หวัน เจาะตลาดไทยและขยายการแลกเปลี่ยนระหว่างกัน ในภาพคือโรงพยาบาลจางฮั่วคริสเตียนนำคณะผู้ประกอบการเดินทางเข้าร่วมงานแสดงอุปกรณ์การแพทย์นานาชาติอาเซียน ปี 2019 เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา (ภาพจากโรงพยาบาลจางฮั่วคริสเตียน) สำนักข่าว CNA วันที่ 12 ส.ค. 62
สำนักข่าว CNA วันที่ 12 ส.ค. 62
นางเกาเสี่ยวหลิง ผู้อำนวยการศูนย์การแพทย์นานาชาติ โรงพยาบาลจางฮั่วคริสเตียนกล่าวว่า ช่วงหลายปีมานี้ รัฐบาลไทยมุ่งผลักดันนโยบายประเทศไทย 4.0 โดยมุ่งเน้นพัฒนา การแพทย์อัจฉริยะ ซึ่งในขณะเดียวกัน รัฐบาลสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ก็ได้เร่งผลักดันนโยบายมุ่งใต้ใหม่ ประกอบกับความได้เปรียบทางอุตสาหกรรมการแพทย์ของไต้หวัน เชื่อว่าจะสามารถสร้างคุณูปการให้กับไทยได้ โดยในปีนี้โรงพยาบาลจางฮั่วคริสเตียนได้นำคณะผู้ประกอบการไต้หวัน เดินทางเข้าร่วมนิทรรศการที่เกี่ยวข้องในไทยหลายครั้ง โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะสามารถนำอุตสาหกรรมการแพทย์ของไต้หวัน เจาะตลาดไทย และขยายการแลกเปลี่ยนระหว่างกัน
นับตั้งแต่ปี 2016 เป็นต้นมา รัฐบาลไต้หวันได้มุ่งผลักดันนโยบายมุ่งใต้ใหม่อย่างกระตือรือร้น โดยกระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ประกาศแผนยุทธศาสตร์ “1 ประเทศ 1 ศูนย์การแพทย์” ซึ่งในขั้นแรกได้คัดเลือก 6 ประเทศอาเซียน เป็นประเทศเป้าหมายหลัก ประกอบด้วย อินโดนีเซีย อินเดีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม ไทยและมาเลเซีย โดยไต้หวันจะจัดตั้งศูนย์การแพทย์ไต้หวันขึ้นในทุกประเทศดังกล่าว เพื่อดำเนินการแลกเปลี่ยนข้อมูลและประสบการณ์ด้านการแพทย์
เมื่อปี 2018 โรงพยาบาลจางฮั่วคริสเตียน ได้รับมอบหมายให้ดำเนินภารกิจ “1 ประเทศ 1 ศูนย์การแพทย์” โดยมีหน้าที่รับผิดชอบเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับตลาดอุตสาหกรรมการแพทย์ของไทย เครือข่ายการเชื่อมโยงอุตสาหกรรม และเสริมสร้างความร่วมมือกับโรงพยาบาลไทย ด้วยการจัดโครงการฝึกอบรมบุคลากร โรงพยาบาลจางฮั่วคริสเตียนคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่า จากการร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจกับโรงพยาบาลไทย จะสามารถนำคณะผู้ประกอบการไต้หวันเดินทางเข้าไทย เพื่อผลักดันอุตสาหกรรมการแพทย์ไต้หวัน ก้าวสู่ตลาดการแพทย์ไทยในอีกระดับหนึ่ง
นางเกาเสี่ยวหลิง ได้ยกตัวอย่าง การพัฒนาเทคโนโลยีคลาวด์เพื่อใช้ในทางการแพทย์ของไต้หวันที่ประสบผลสำเร็จเป็นอย่างมาก ในปัจจุบัน โรงพยาบาลหลายแห่งในไทย สั่งซื้อเครื่องวินิจฉัยดิจิทัล จากผู้ประกอบการรายหนึ่งของไต้หวัน เนื่องจากเลนส์กล้องที่ใช้ในระบบมีความคมชัดสูงมาก สามารถตรวจจับข้อมูลได้ในระยะไกล อาทิ สามารถนำเครื่องมือชนิดนี้ ไปให้บริการกับผู้ป่วยในชนบททางภาคเหนือของไทย ที่ไม่สะดวกเดินทางเข้ารับการรักษาในเขตตัวเมืองก็สามารถใช้ระบบวินิจฉัยดิจิทัลดังกล่าว เก็บภาพอาการของโรค ส่งไปยังโรงพยาบาลใหญ่ เพื่อให้แพทย์ทำการวินิจฉัยเบื้องต้น
โรงพยาบาลจางฮั่วคริสเตียนได้ประสานความร่วมมือกับไทยมาตั้งแต่ปี 2010 โดยทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันจัดทำ โครงการจัดส่งบุคลากรผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ ไปให้บริการยังภาคเหนือของไทย
โรงพยาบาลจางฮั่วคริสเตียน ใช้นิทรรศการเป็นสื่อกลาง ในการเชื่อมโยงผู้ประกอบการไต้หวันและไทยเข้าไว้ด้วยกัน อาทิ เมื่อเดือนกรกฎาคม ทางโรงพยาบาลฯ ได้เดินทางเข้าร่วมงานแสดงอุปกรณ์การแพทย์นานาชาติอาเซียน ปี 2019 (Medical Devices ASEAN 2019) นอกจากนี้ โรงพยาบาลจางฮั่วคริสเตียนและสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (Federation of Thailand Industry) ได้ร่วมกันจัด กิจกรรมการจับคู่อุตสาหกรรมการแพทย์ไต้หวัน – ไทย รวมถึงจัดงานเสวนาด้านนวัตกรรมและการประยุกต์ใช้ ในการดูแลสุขภาพด้วยระบบอัจฉริยะ ในงานแสดงอุปกรณ์การแพทย์นานาชาติอาเซียน ปี 2019 ที่ผ่านมาด้วย
นอกจากนี้ ในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ โรงพยาบาลจางฮั่วคริสเตียน มีกำหนดการนำคณะผู้ประกอบการเดินทางเข้าร่วมงานเมดิคอลแฟร์ ไทยแลนด์ 2019 (Medical Fair Thailand 2019) พร้อมกันนี้ ยังจะเชิญผู้เชี่ยวชาญในวงการแพทย์ไทย เดินทางมาร่วมงาน Taiwan Healthcare Expo ในเดือนธันวาคมปีนี้ด้วย นางเกาเสี่ยวหลิงเผยว่า จากการเข้าร่วมนิทรรศการต่างๆ จะช่วยทำให้ผู้ประกอบการไต้หวันเป็นที่รู้จักแพร่หลายมากขึ้น ซึ่งมีผู้ประกอบการที่ได้รับอานิสงส์จากการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าเหล่านี้ โดยได้รับใบสั่งซื้อสินค้าในจำนวนไม่น้อย ผลสัมฤทธิ์เป็นที่น่าพึงพอใจ