เมื่อวันที่ 18 ก.ย. กต.ไต้หวันขอบคุณ 13 ประเทศพันธมิตรที่ส่งยื่นหนังสือเรียกร้องสนับสนุนให้ไต้หวันเข้ามีส่วนร่วมในการประชุมสหประชาชาติให้กับเลขาธิการ UN (ภาพจากกต.ไต้หวัน)

กระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) วันที่ 18 ก.ย. 62

การประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ ครั้งที่ 74 ได้เปิดฉากขึ้นแล้วเมื่อวันที่ 17 ก.ย. ที่ผ่านมา ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก โดย 11 ประเทศพันธมิตรของไต้หวันได้ร่วมลงนามและยื่นหนังสือเรียกร้องต่อนาย António Guterres เลขาธิการสหประชาชาติ นอกจากนี้ สาธารณรัฐฮอนดูรัสและสาธารณรัฐปารากวัย ต่างก็ทยอยส่งหนังสือเรียกร้องต่อเลขาธิการ António Guterresด้วยเช่นกัน เพื่อแสดงความสนับสนุนให้ไต้หวันเข้ามีส่วนร่วมในการประชุมสหประชาชาติ (UN) กระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ขอขอบคุณบรรดาประเทศพันธมิตรมา ณ ที่นี้ด้วยใจจริง

โดย 11 ประเทศพันธมิตรดังกล่าว ได้แก่ เบลิซ เอสวาตินี สาธารณรัฐไฮติ คิริบาส สาธารณรัฐหมู่เกาะมาร์แชลล์ สาธารณรัฐนาอูรู สาธารณรัฐปาเลา เซนต์ลูเซีย เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์ ตูวาลูและสันตะสำนัก ต่างร่วมลงนามในหนังสือเรียกร้องสนับสนุนไต้หวันให้มีส่วนร่วมในการประชุม UN และได้ยื่นให้สำนักเลขาธิการสหประชาชาติ เมื่อวันที่ 17 ก.ย. ตามเวลาตะวันออกของสหรัฐฯ พร้อมระบุถึงข้อเรียกร้อง 3 ประการ ในแผนผลักดันเข้าร่วมการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ ประจำปี 2019 ของรัฐบาลไต้หวัน และครอบคลุมไปถึงการเน้นย้ำว่าการที่ UN ไม่อนุญาตให้ผู้ที่ถือหนังสือเดินทางสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) แลกบัตรผ่านเข้าเยี่ยมชม สัมภาษณ์และเข้าร่วมการประชุม เป็นการกระทำที่ขัดกับหลักการที่ UN ประกาศว่า ยอมรับการเข้ามีส่วนร่วมของทุกฝ่าย จึงขอเรียกร้องให้ UN เร่งหาหนทางที่เหมาะสม ในการยอมรับให้ไต้หวันเข้ามีส่วนร่วม และขอให้เร่งแก้ไขการกระทำที่เป็นการกีดกันไต้หวัน ให้อยู่นอกระบบของ UN

ในหนังสือเรียกร้องดังกล่าวยังได้ระบุอีกว่า ไต้หวันประสบผลสำเร็จชั้นยอดในหลากหลายสาขา และยินดีที่จะแบ่งปันประสบการณ์การพัฒนาในประเทศตน เพื่อเป็นประโยชน์ต่อประชาคมโลก โดยเฉพาะในช่วงที่ผ่านมานี้ เลขาธิการ António Guterres ได้เน้นย้ำถึงหลักการ “ความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องยอมรับซึ่งกันและกัน” (inclusion imperative) ด้วยเหตุนี้จึงต้องการเรียกร้องให้ UN เร่งยอมรับไต้หวัน ที่เป็นหุ้นส่วนที่น่าเชื่อถือและพึ่งพาได้

นอกจากนี้ ในหนังสือเรียกร้องฉบับดังกล่าวยังได้เน้นย้ำว่า ไต้หวันเป็นสังคมประชาธิปไตยที่เปี่ยมด้วยความกระตือรือร้น และคงไว้ซึ่งเสรีภาพและสิทธิมนุษยชนอันเป็นค่านิยมสากลที่สำคัญ ซึ่งถือเป็นภารกิจหลักของ UN อีกด้วย นอกจากนี้ เนื้อหาในหนังสือยังได้ระบุว่า หลายประเทศรู้สึกเสียใจและผิดหวัง ที่ UN อ้างอิงญัตติที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติ ฉบับที่ 2758 ที่หมดวาระแล้ว จึงไม่สามารถให้ไต้หวันเข้าร่วมในกลไก การประชุมหรือกิจกรรมที่เกี่ยวข้องได้

รัฐบาลสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ขอบคุณที่ประเทศพันธมิตรให้การสนับสนุนอย่างเหนียวแน่นด้วยใจจริง และขอยืนยันอีกครั้งว่า ประชาชนชาวไต้หวัน 23 ล้านคน มีสิทธิในการเข้าร่วมในระบอบของ UN จึงขอเรียกร้องให้ UN ยอมรับไต้หวันผ่านการกระทำอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้ไต้หวันได้มีโอกาสประสานความร่วมมือกับหุ้นส่วนนานาประเทศทั่วโลก เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ของ UN ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับความผาสุกของมวลมนุษยชาติโดยตรง