งานแถลงข่าวเปิดตัว รายการผลสัมฤทธิ์จาก “โครงการความร่วมมือกับสถานีโทรทัศน์ในประเทศเป้าหมายนโยบายมุ่งใต้ใหม่”
กรมสารนิเทศระหว่างประเทศ วันที่ 22 ต.ค. 62
นายเฉาลี่เจี๋ย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) กล่าวปราศรัยในงานแถลงข่าวเปิดตัวรายการผลสัมฤทธิ์จาก “โครงการความร่วมมือกับสถานีโทรทัศน์ในประเทศเป้าหมายนโยบายมุ่งใต้ใหม่” เมื่อวันที่ 22 ต.ค. ว่า
เรียน ท่านหวงเม่าสง ประธานสมาคมการค้าไต้หวัน – อินเดีย ดร.หลินฉี่รุ่ย อธิการบดีมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีหมิงซิน (Minghsin University of Science and Technology, MUST) นายเฉินหมิงเจิ้ง อธิบดีกรมสารนิเทศระหว่างประเทศ เจ้าหน้าที่การทูตประเทศอาเซียนประจำไต้หวัน ผู้สื่อข่าวทุกสำนัก รวมถึงท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน ขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่งานแถลงข่าวเปิดตัวรายการ Embracing Taiwan ตอนพิเศษ
“นโยบายมุ่งใต้ใหม่” และ “โครงการอุตสาหกรรมนวัตกรรม 5 + 2” เป็นทิศทางนโยบายที่สำคัญของไต้หวัน เพื่อส่งเสริมให้ประเทศเป้าหมายนโยบายมุ่งใต้ใหม่ ร่วมประชาสัมพันธ์ผลสัมฤทธิ์ที่เกิดจากการพัฒนา “โครงการอุตสาหกรรมนวัตกรรม 5 + 2” ของไต้หวัน และเผยแพร่ค่านิยม “ยึดมนุษย์เป็นศูนย์กลาง” กระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ใช้วิธีการที่สร้างสรรค์ ด้วยการประสานความร่วมมือกับสถานีโทรทัศน์ที่ได้รับความนิยมของประเทศเป้าหมายนโยบายมุ่งใต้ใหม่ อาทิ ฟิลิปปินส์ เวียดนาม อินเดียและไทย ในการร่วมกันสร้างสรรค์รายการโทรทัศน์ Embracing Taiwan โดยอ้างอิงจากพฤติกรรมและความชื่นชอบในการรับชมของผู้คนในประเทศนั้นๆ และจัดทำเป็นภาคภาษาราชการของประเทศนั้นๆ เพื่อนำไปแพร่ภาพออกอากาศให้ประชาชนในพื้นที่ ได้ทำความรู้จักกับไต้หวันมากขึ้น
สถานีโทรทัศน์ของทั้ง 4 ประเทศที่ร่วมมือกับไต้หวันในครั้งนี้ ประกอบด้วย CNN PH ซึ่งเป็นสถานีข่าวที่ทรงอิทธิพลที่สุดของฟิลิปปินส์ สถานีโทรทัศน์ HTV ที่มีเครือข่ายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม สถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 และ สถานีโทรทัศน์ Zee TV ที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดของอินเดีย โดยสถานีโทรทัศน์ดังกล่าวข้างต้นได้เชิญเซเลบริตี้และเน็ตไอดอลมารับหน้าที่เป็นพิธีกร รวมทั้งคัดสรรทีมผู้ผลิตคุณภาพ ที่ประกอบด้วยผู้กำกับ ผู้ผลิต ผู้วางแผน เดินทางมาไต้หวัน เพื่อเก็บภาพที่สอดคล้องกับมุมมองและความชื่นชอบของผู้ชมในพื้นที่ นำเสนอการพัฒนาอุตสาหกรรมและทัศนียภาพที่หลากหลายของไต้หวัน เพื่อดึงดูดความสนใจจากผู้ชมเพิ่มมากยิ่งขึ้น
รายการ Embracing Taiwan ของแต่ละประเทศ จะจัดทำตอนพิเศษ 2 ตอน ตอนละ 30 นาที ถ่ายทำด้วยระบบ HD ซึ่งจะได้ภาพที่คมชัด นอกจากนี้ ยังได้กำหนดหัวข้อรายการ ตามมุมมองที่แตกต่างกันของแต่ละประเทศ อาทิ ฟิลิปปินส์จัดทำรายการในหัวข้อ “วัฒนธรรมดนตรี และพลังความสดใส” ไทยจัดทำขึ้นในหัวข้อ “สำรวจความงดงาม การยอมรับซึ่งกันและกันและความสามัคคี” เวียดนามจัดทำขึ้นในหัวข้อ “พลังชีวิต เรียนรู้อย่างตั้งใจ” ส่วนอินเดียจัดทำขึ้นในหัวข้อ “ขยันแข็งขัน มีความสุข” โดยเนื้อหาในรายการได้นำเสนอเรื่องราวในมุมมองที่คนส่วนใหญ่ให้ความสนใจและเข้าถึงง่าย อาทิ การท่องเที่ยว อาหารไต้หวัน ระบบสาธารณสุข ไปจนถึงการแพทย์ชีวภาพ เทคโนโลยีอัจฉริยะและความห่วงใยด้านมนุษยธรรม เพื่อถ่ายทอดให้เห็นถึงสถานการณ์การพัฒนาในปัจจุบัน และผลสัมฤทธิ์ทางนวัตกรรมในทุกแง่มุมของไต้หวัน ด้วยวิธีการอันหลากหลาย นอกจากนี้ ยังครอบคลุมถึงนโยบายการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับประเทศเป้าหมายมุ่งใต้ใหม่ของไต้หวัน โครงการอุตสาหกรรมนวัตกรรม 5 + 2 และโครงการก่อสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานแห่งอนาคต (Forward-Looking Infrastructure Plan) รวมถึงทิศทางนโยบายด้านอื่นๆ ขณะเดียวกันก็ได้นำเสนอผลสัมฤทธิ์อันเป็นที่ประจักษ์แจ้งในระดับนานาชาติ อาทิ การรับมือกับโรคอหิวาห์แอฟริกาในสุกร การป้องกันโรคปากและเท้าเปื่อยในสัตว์กีบคู่ รวมถึงความตั้งใจแน่วแน่ในการต่อต้านการทำประมงที่ผิดกฎหมาย จนสามารถทำให้ EU ปลดสถานะใบเหลืองการประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (IUU) ของภาคการประมงไต้หวัน
โครงการความร่วมมือกับสถานีโทรทัศน์ต่างประเทศผลิตรายการ Embracing Taiwan คาดว่า จะเริ่มแพร่ภาพออกอากาศในช่วงเวลาทองของสถานีโทรทัศน์ในแต่ละประเทศในเดือนหน้านี้ งานแถลงข่าวที่จัดขึ้นเป็นพิเศษในครั้งนี้ เพื่อแถลงผลสัมฤทธิ์จากความร่วมมือดังกล่าว คาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่า จากการแพร่ภาพออกอากาศรายการดังกล่าว จะสามารถสะท้อนให้เห็นถึงอัตลักษณ์ร่วม ระหว่างชาวไต้หวันกับชาวฟิลิปปินส์ เวียดนาม อินเดียและไทย เพื่อให้ผู้ชมทุกประเทศรู้จักและเข้าใจไต้หวันในเชิงลึก และคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่า จากโครงการความร่วมมือกับสถานีโทรทัศน์ในครั้งนี้ จะแสดงให้เห็นถึงการมีปฏิสัมพันธ์และความเชื่อมโยงระหว่างไต้หวันและประเทศเป้าหมายนโยบายมุ่งใต้ใหม่ในเชิงลึก อันจะนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายว่าด้วยการจับมือกับไต้หวัน โอบกอดไต้หวัน และประสานความร่วมมือที่สามารถเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกันได้ในอนาคต