ช้ามไปยังส่วนข้อมูลหลัก
พิธีมอบรางวัลและเผยแพร่ผลงานในการประกวดภาพยนตร์สั้น Trending Taiwan ครั้งที่ 5
2019-11-07

นายเฉินหมิงเจิ้ง อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศไต้หวัน มอบรางวัลชนะเลิศให้กับนายเจิงกั๋วอัน ผู้ส่งผลงานเข้าร่วมการประกวด ในชื่อ “รูปลักษณ์ของแม่” (ภาพจากกต. ไต้หวัน)

นายเฉินหมิงเจิ้ง อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศไต้หวัน มอบรางวัลชนะเลิศให้กับนายเจิงกั๋วอัน ผู้ส่งผลงานเข้าร่วมการประกวด ในชื่อ “รูปลักษณ์ของแม่” (ภาพจากกต. ไต้หวัน)

กต. ไต้หวัน วันที่ 6 พ.ย. 62

 

เมื่อวันที่ 6 พ.ย. ที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้จัดพิธีมอบรางวัลและเผยแพร่ภาพยนตร์สั้นที่ได้รับรางวัล ตามโครงการ “Trending Taiwan” ครั้งที่ 5 ที่จัดขึ้นที่ห้างสรรพสินค้า Eslite Xinyi โดยนายเฉินหมิงเจิ้ง อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานในพิธี โดยมีนางเฉินลี่เจวียน สมาชิกสภานิติบัญญัติ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) เดินทางมาเข้าร่วมและเป็นผู้มอบรางวัล ซึ่งรางวัลชนะเลิศของปีนี้ ตกเป็นของนายเจิงกั๋วอันกับภาพยนตร์สั้นเรื่อง “รูปลักษณ์ของแม่” ซึ่งวีดิทัศน์เรื่องนี้ใช้การถ่ายทำด้วยวิธีธรรมชาติตามความเป็นจริง ในการถ่ายทอดเรื่องราวความรักที่ผู้เป็นแม่มีต่อลูก ผ่านทางคุณแม่ชาวฮากกา ชนเผ่าอาเหม่ยและผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ชาวเวียดนาม ซึ่งสามารถสะกิดความทรงจำอันแสนงดงาม และความรู้สึกซาบซึ้งที่ตราตรึงใจของผู้ชมทุกคน จนได้รับคะแนนเสียงเป็นเอกฉันท์จากคณะกรรมการทุกท่าน คว้าเงินรางวัล 2 แสนเหรียญไต้หวัน ไปครองแต่เพียงผู้เดียว


 

อธิบดีเฉินฯ กล่าวขณะปราศรัยว่า ในฐานะตัวแทนกต.ไต้หวัน ต้องขอขอบคุณผู้ที่ส่งผลงานเข้าร่วมการประกวดในครั้งนี้ และเผยว่า นับตั้งแต่ปี 2015 ที่ได้เริ่มโครงการ Trending Taiwan ในช่องทาง Youtube Channel เป็นต้นมา ได้ผนึกกำลังระหว่างภาครัฐ กับพลังความคิดสร้างสรรค์ของภาคประชาชนอย่างเต็มที่ ในการเป็นกระบอกเสียงให้ไต้หวัน ในเวทีนานาชาติผ่านช่องทางรายการนี้ เพื่อให้ทั่วโลกประจักษ์ถึงซอฟต์พาวเวอร์ของไต้หวัน และเรื่องราวด้านมนุษยธรรมในทุกหนแห่งของไต้หวัน จึงคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่า จากการถ่ายทอดของผลงานเหล่านี้ จะเป็นการอัดฉีดพลังความสดใสที่ไม่ขาดสาย ให้กับภาพลักษณ์ของไต้หวันในเวทีนานาชาติต่อไป ส่วนนางเฉินลี่เจวียนก็กล่าวว่า ทัศนียภาพที่งดงามที่สุดของไต้หวัน คือ ผู้คน จึงหวังว่าชาวไต้หวัน และมิตรสหายชาวต่างชาติที่พำนักอาศัยอยู่ในไต้หวัน จะใช้ภาพวีดิทัศน์เป็นสื่อกลาง เพื่อให้ทุกคนทำความรู้จักกับไต้หวันมากขึ้น และเชื่อมโยงความสัมพันธ์อันดีกับมิตรประเทศ ผ่านทางภาพวีดิทัศน์เหล่านี้


 

รางวัลที่ 2 ของปีนี้ มี 2 ราย ได้แก่ ทีมสตูดิโอ Chung Chung Film ที่นำเสนอผลงานที่เกี่ยวกับ “เกษตรกรรายย่อยที่ไม่มีใครรู้จัก” แต่เป็นผู้อุทิศคุณประโยชน์ในการทำการเษตรอย่างยั่งยืน ส่วนอีกรายคือ นายเจี่ยงห้วนหมิน ผู้ที่ติดตามบันทึกเรื่องราวของ Abao นักร้องชนพื้นเมืองไต้หวัน ที่ได้ตระเวนเก็บรวบรวมคลิปบันทึกเสียงร้องเพลงโบราณดั้งเดิม ประจำชนเผ่าผายวัน และสร้างสรรค์เป็นผลงาน ภายใต้ชื่อ “ร้องเพลงโบราณ นำทางกลับถิ่นกำเนิด” ซึ่งทั้งสองทีมต่างคว้าเงินรางวัล 6 หมื่นเหรียญไต้หวันมาครอง ส่วนรางวัลที่ 3 มี 3 รางวัล รางวัลละ 30,000 เหรียญฯ นอกจากนี้คณะกรรมการตัดสิน ยังได้มอบรางวัลชมเชยอีกทั้งหมด 6 รางวัล รางวัลละ 20,000 เหรียญฯ นอกจากนี้ภายในงาน อธิบดีเฉินฯ ได้จัดเตรียม “หมอนรองคอ รูปทรงไต้หวัน” และสมุดไดอารี่ประจำปี ภายใต้ชื่อ “ปวงเทพเจ้าคุ้มครองไต้หวัน” (Deities of Taiwan) ปี 2020 ของกต.ไต้หวันที่เพิ่งจัดทำแล้วเสร็จ มามอบให้กับผู้ได้รับรางวัล และผู้ที่เข้ารอบสุดท้ายในการประกวดครั้งนี้


 

ทั้งนี้ กิจกรรมการประกวดภาพยนตร์สั้นในปีนี้ มีผู้ส่งผลงานเข้าร่วมการประกวดทั้งหมด 115 เรื่อง โดยนอกจากจะมีเหล่าผู้สร้างสรรค์งานจากในประเทศ และกลุ่มนักศึกษาในคณะวิชาที่เกี่ยวข้องแล้ว ยังมียูทูบเบอร์ นักท่องเที่ยว ช่างภาพ และนักศึกษาชาวต่างชาติที่เข้ารับการศึกษาในหลักสูตรภาษาจีนในไต้หวัน ที่มาจากฝรั่งเศส เบลเยี่ยม สเปน รัสเซีย ปารากวัย สาธารณรัฐฮอนดูรัส อินเดีย ฟิลิปปินส์และจีน ส่งผลงานเข้าร่วมประกวดด้วย โดยบรรดาผู้ส่งผลงานเข้าร่วมการประกวด ที่มีพื้นเพที่หลากหลายเหล่านี้ ต่างถ่ายทอดเสน่ห์ของไต้หวันที่พวกเขาพบเห็นและได้สัมผัส รวมถึงความประทับใจในเสี้ยววินาทีนั้นๆ ผ่านเลนส์กล้อง แสดงให้เห็นถึงความงดงามของไต้หวัน ในมุมมองที่แตกต่างกัน


 

กต.ไต้หวันจะดำเนินการคัดเลือกและจัดทำคำบรรยายที่เป็นภาษาต่างประเทศ ให้กับผลงานที่ได้รับรางวัล เพื่อเผยแพร่สู่สายตาทั่วโลก ผ่านช่องรายการ Trending Taiwan ซึ่งจนถึงขณะนี้ รายการนี้ได้รวบรวมภาพยนตร์สั้นไว้กว่าพันเรื่อง โดยมีผู้ที่ติดตามรับชม ผ่านช่องรายการและเฟซบุ๊กแฟนเพจ Trending Taiwan เฟซบุ๊กแฟนเพจของกต. ไต้หวัน แล้วกว่า 84 ล้านครั้ง โดยในจำนวนนี้ กว่าร้อยละ 80 เป็นผู้ชมที่เป็นชาวต่างชาติ