เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. นายซูเจินชาง (ขวา) นายกรัฐมนตรี สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้กำชับให้ทุกหน่วยงานของไต้หวัน เร่งเสริมสร้างมาตรการการป้องกันโรคระบาด ASF อย่างรัดกุมต่อไป (ภาพจากสภาบริหาร)
สภาบริหาร วันที่ 12 ธ.ค. 62
เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. สภาบริหาร สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) แถลงว่า หลังจากที่นายซูเจินชาง นายกรัฐมนตรี สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้รับฟังรายงาน ภายใต้หัวข้อ “เสริมสร้างมาตรการป้องกันโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) ขานรับเทศกาลตรุษจีน ปี 2020” ของคณะกรรมการการเกษตร สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ในการประชุมสภาบริหารเมื่อวันที่ 12 ธ.ค. ที่ผ่านมา นรม.ซูฯ ได้ขอบคุณเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานภาครัฐทั้ง 14 กระทรวง ที่ได้ร่วมแรงร่วมใจกัน พยายามสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโรค ASF พร้อมย้ำหนักแน่นว่า ภารกิจการป้องกันโรค ASF จะละเลยไม่ได้โดยเด็ดขาด
นอกจากนี้ นายกซูฯ กล่าวเสริมว่า สำหรับการครบกำหนด 1 ปี ของการเป็นประเทศที่ปลอดจากโรคปากและเท้าเปื่อยในสัตว์กีบคู่ โดยไม่ต้องพึ่งวัคซีน ไต้หวันกำลังยื่นขออนุมัติต่อองค์กรโรคระบาดสัตว์ระหว่างประเทศ (OIE) ในการเป็นเขตปลอดโรค โดยไม่มีการฉีดวัคซีน ซึ่งหากผ่านการพิจารณาแล้ว หลังเดือนพฤษภาคมปี 2020 นี้ ไต้หวันจะกลายเป็นเขตปลอดโรคระบาดอย่างสมบูรณ์ ซึ่งจะส่งผลให้ผลิตภัณฑ์เนื้อสุกรของไต้หวันสามารถส่งออกไปจำหน่ายยังทั่วโลกได้ เฉพาะมูลค่าการส่งออกไปญี่ปุ่น ก็สามารถทำยอดได้สูงถึง 55,000 ล้านเหรียญไต้หวันต่อปี นับว่าเป็นอุตสาหกรรมที่มีมูลค่ามหาศาล จึงขอความร่วมมือจาก คกก.การเกษตรและกระทรวงเศรษฐการ ให้ระแวดระวังในการป้องกันโรคดังกล่าวให้รัดกุมยิ่งขึ้น โดยนรม.ซูฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า จีนและประเทศเพื่อนบ้านที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อ ASF ทั้ง 10 ประเทศ มีจำนวนเนื้อสุกรที่ใช้บริโภคได้น้อยมาก เนื่องจากไต้หวันได้ชื่อว่าเป็นอาณาจักรแห่งการเลี้ยงสุกร ตลอดจนมีเทคโนโลยีในการเพาะเลี้ยงสุกรที่ล้ำสมัย ด้วยเหตุนี้ จึงอาจกล่าวได้ว่าตลาดเกิดใหม่ในอนาคต กำลังรอคอยพวกเราอยู่