ช้ามไปยังส่วนข้อมูลหลัก
ประธานาธิบดีกล่าวสุนทรพจน์ เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่
2020-01-02

เมื่อวันที่ 1 ม.ค. ปธน.ไช่อิงเหวินกล่าวสุนทรพจน์ เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ ณ ทำเนียบประธานาธิบดี (ภาพจากทำเนียบประธานาธิบดี)

เมื่อวันที่ 1 ม.ค. ปธน.ไช่อิงเหวินกล่าวสุนทรพจน์ เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ ณ ทำเนียบประธานาธิบดี (ภาพจากทำเนียบประธานาธิบดี)

ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 1 ม.ค. 63

 

ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำไต้หวัน สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) กล่าวสุนทรพจน์เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ 1 มกราคม 2563 ที่ทำเนียบประธานาธิบดี ระบุว่า ในปีนี้จะทำให้ประชาชนทุกคนได้รับการดูแลที่ทั่วถึงมากขึ้น โดยจะเร่งพัฒนาเศรษฐกิจให้ดียิ่งขึ้น ตลอดจนเสริมสร้างให้ประชาธิปไตย เสรีภาพ และอำนาจอธิปไตย มีเสถียรภาพและยั่งยืน ซึ่งหมายถึง รัฐบาลต้องผนึกกำลังกับประชาชนชาวไต้หวัน ในการมุ่งไปสู่หนทางข้างหน้าอย่างกล้าหาญ


 

โดยปธน.ไช่ฯ กล่าวเน้นย้ำว่า การผ่านร่างกฎหมายป้องกันการแทรกซึม จะไม่ส่งกระทบต่อเสรีภาพ ไม่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน และไม่เกิดผลกระทบต่อการแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจและการค้าที่ดำเนินอยู่ในปัจจุบัน หากแต่จะทำให้ประชาธิปไตยและเสรีภาพของไต้หวัน มีหลักประกันที่แข็งแกร่งมากขึ้น การแลกเปลี่ยนและไปมาหาสู่ระหว่างสองฝั่งช่องแคบไต้หวัน จะยังคงดำเนินไปได้ตามปกติ โดยไม่ได้รับผลกระทบจากร่างกฎหมายฉบับนี้


 

ทั้งนี้ ปธน.ไช่ฯ กล่าวว่า ช่วงปีสองปีที่ผ่านมานี้ ไต้หวันต้องเผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ ในด้านเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะความท้าทายที่เกิดจากสงครามการค้าจีน – สหรัฐฯ หากแต่ด้วยพลังความมุ่งมั่นและความพยายามร่วมกันของประชาชนชาวไต้หวัน เราสามารถก้าวผ่านมันมาได้ ซึ่งเมื่อปีที่แล้ว หากเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน ไต้หวันยังคงรักษาผลสัมฤทธิ์ทางเศรษฐกิจ ที่เติบโตขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง โดยอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของไต้หวัน กลับมาเป็นที่ 1 ของสี่เสือแห่งเอเชียอีกครั้ง และดัชนีตลาดหุ้นไต้หวัน พุ่งแตะระดับหมื่นจุดอยู่เป็นประจำ


 

นอกจากนี้ ปธน. ไช่ฯ ยังกล่าวว่า ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือ เมื่อปีที่แล้ว ได้เกิดกระแสการกลับเข้ามาลงทุนยังประเทศบ้านเกิดครั้งใหญ่ที่สุด ของนักลงทุนชาวไต้หวัน เป็นครั้งแรกในรอบหลายทศวรรษ เงินทุนจากต่างประเทศที่ไหลเข้าสู่ไต้หวัน ก็พร้อมสำหรับลงทุนในประเทศ นักลงทุนชาวต่างชาติต่างเล็งเห็นถึงแนวโน้มเศรษฐกิจของไต้หวัน จึงเพิ่มการลงทุนในไต้หวันมากขึ้น สิ่งเหล่านี้พิสูจน์ให้เห็นว่า จากความพยายามอย่างต่อเนื่องมานานหลายปี ส่งผลให้ในวันนี้เราประสบความสำเร็จ ในการพลิกสถานการณ์ที่อุตสาหกรรมและเงินทุนไหลออกนอกประเทศ มาเป็นเวลานานหลายทศวรรษ ให้กลับเข้ามาลงทุนในประเทศ


 

ปธน.ไช่ฯ ย้ำหนักแน่นว่า สาเหตุที่ไต้หวันมีความสำคัญ นอกจากด้านเศรษฐกิจแล้ว ประชาธิปไตยและเสรีภาพของพวกเราก็เป็นเหตุผลที่สำคัญ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ประเทศมหาอำนาจอย่างจีนได้คุกคามไต้หวันทุกวิถีทาง ไม่ว่าจะเป็นการข่มขู่ด้วยกำลังอาวุธหรือการเผยแพร่ข้อมูลเท็จ อีกทั้งได้ดำเนินการแทรกซึมอย่างไม่หยุดหย่อน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ บีบบังคับให้ไต้หวันยินยอมอ่อนข้อในด้านอำนาจอธิปไตย ซึ่งเมื่อต้นปีที่แล้ว นายสีจิ้นผิง ผู้นำจีน ยังได้เสนอแผน “1 ประเทศ 2 ระบบ สำหรับไต้หวัน”


 

ปธน.ไช่ฯ ยังได้กล่าวขอบคุณประชาชนชาวไต้หวันทุกคน ที่เป็นแรงหนุนอันแข็งแกร่งให้กับรัฐบาล พร้อมให้คำมั่นว่า พวกเราจะไม่มีวันยอมอ่อนข้อให้แก่ภัยคุกคามใดๆ และต้องการที่จะป่าวประกาศให้ทั่วโลกรับทราบโดยทั่วกันว่า ไต้หวันจะไม่มีวันยอมรับนโยบาย “1 ประเทศ 2 ระบบ” โดยเด็ดขาด


 

ปธน.ไช่ฯ สรุปในตอนท้ายสุดว่า ในปีนี้ไต้หวันยังคงเป็นจุดสนใจของทั่วโลก คาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ชาวไต้หวันทั้งประเทศจะร่วมแรงร่วมใจกัน สำแดงความกล้าหาญ ความสามัคคี เพื่อให้แสงสว่างแห่งประชาธิปไตยและเสรีภาพ สาดส่องไปทั่วทั้งไต้หวันและประชาคมโลก