ช้ามไปยังส่วนข้อมูลหลัก
นรม.ซูฯ กำชับทุกหน่วยงาน ต้องเร่งปฏิบัติภารกิจป้องกันไวรัสโคโรน่าอย่างเข้มงวด
2020-01-30

เมื่อวันที่ 29 ม.ค. นรม. ซูเจินชาง (ขวา) เดินทางไปตรวจการณ์และให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ในศูนย์บัญชาการกลางป้องกันโรคระบาด (ภาพจากสภาบริหาร)

เมื่อวันที่ 29 ม.ค. นรม. ซูเจินชาง (ขวา) เดินทางไปตรวจการณ์และให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ในศูนย์บัญชาการกลางป้องกันโรคระบาด (ภาพจากสภาบริหาร)

สภาบริหาร วันที่ 29 ม.ค. 63

 

เพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ รัฐบาลไต้หวันได้เร่งหามาตรการป้องกันอย่างเต็มที่ โดยเมื่อวันที่ 29 ม.ค. ที่ผ่านมา นายซูเจินชาง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้เดินทางไปตรวจการณ์ที่ “ศูนย์บัญชาการกลางป้องกันโรคระบาด" เพื่อให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ ที่เสียสละวันหยุดยาวเนื่องในเทศกาลตรุษจีน มาปฏิบัติภารกิจตามหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มที่


 

หลังจากที่นรม.ซูฯ ได้รับฟังรายงานการป้องกันโรคระบาด จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรียบร้อยแล้ว ก็ได้กล่าวว่า ในขณะนี้ การระบาดของโรค ดูจะทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกที เพื่อปกป้องประชาชนชาวไต้หวัน ให้รอดพ้นจากภาวะวิกฤตเช่นนี้ นรม.ซูฯ ได้กำชับว่า หากมีหน่วยงานใดที่ต้องการกำลังคน หรืองบประมาณเพิ่มเติม ก็พร้อมจะให้ความสนับสนุนอย่างเต็มที่ ขอให้ทุกฝ่ายร่วมกันรับผิดชอบ และปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลัง ตลอดจนให้ความร่วมมือกับศูนย์บัญชาการกลางป้องกันโรคระบาดอย่างเต็มที่ และหากมีความคืบหน้าใดๆ ต้องรีบรายงานสถานการณ์ล่าสุดในทันที


 

นรม.ซูฯ ยังกำชับอีกว่า มาตรการป้องกันประกอบด้วย “การบริหารจัดการ” และ “การควบคุม” โดยการบริหารจัดการ ประกอบด้วย การบริหารจัดการพื้นที่ส่วนกลางและกิจกรรมทางสังคม ในด้านของการบริหารจัดการพื้นที่ส่วนกลาง แบ่งออกเป็น การบริหารจัดการภายในสถานพยาบาล โดยนรม.ซูฯ ได้กำชับให้กระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการ เฝ้าจับตาไม่ให้เกิดการแพร่ระบาด ภายในสถานพยาบาลทั่วประเทศโดยเด็ดขาด ส่วนภายในรั้วสถานศึกษา นอกจากกระทรวงศึกษาธิการแล้ว กระทรวงกลาโหมก็ต้องเร่งดำเนินการ ตามมาตรการป้องกันโรคระบาด ในโรงเรียนนายร้อยทหารด้วยเช่นกัน สำหรับการคมนาคมทางบก ทางอากาศยาน หรือทางเรือ กระทรวงคมนาคมก็ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ในด้านการบริหารจัดการกิจกรรมทางสังคม ทุกหน่วยงานต้องจับตาและติดตามทุกกิจกรรม ที่อาจจะจัดขึ้นในเร็ววันนี้ อาทิ ช่วงเปิดเทอม หรือการสอบคัดเลือก ซึ่งทุกหน่วยงานต้องหามาตรการเข้มงวด ตามความรุนแรงของการแพร่ระบาด เพราะถือเป็นความรับผิดชอบโดยตรงของทุกหน่วยงานอยู่แล้ว


 

สำหรับการควบคุม นรม.ซูฯ ชี้ว่า การควบคุมแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่ “ทรัพยากรยามจำเป็น” และ “ทรัพยากรบุคคล” ซึ่งการควบคุมทรัพยากรยามจำเป็น หมายรวมถึง หน้ากากอนามัย และอุปกรณ์ทางการแพทย์ ในขณะนี้ ประชาชนต่างก็แห่แหนกันซื้อหน้ากากอนามัยเป็นจำนวนมาก เพื่อใช้เป็นเกราะป้องกันขั้นพื้นฐาน แต่อุปสงค์และอุปทานยังคงอยู่ในภาวะสมดุล และหากทางการพบว่า มีผู้ฉวยโอกาสกอบโกยผลประโยชน์ในสภาวะวิกฤต โดยการซื้อมาตุนแล้วขายทอดในราคาที่สูงเกินจริง ทางกรมศุลกากร กระทรวงการคลัง คณะกรรมการเพื่อความยุติธรรมทางการค้า และสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคของสภาบริหารไต้หวัน จะดำเนินคดีตามกฎหมายทันที


 

โดยเมื่อวันที่ 29 ม.ค. ที่ผ่านมา ศูนย์บัญชาการกลางป้องกันโรคระบาดได้แถลงว่า ตราบจนวันที่ 28 ม.ค. 63 มีผู้ป่วยที่มีอาการต้องสงสัยที่เข้าข่ายโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสฯ ได้แสดงตนต่อด่านตรวจคนเข้าเมือง เพิ่มขึ้น 96 ราย รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 621 ราย จากที่ได้รับรายงาน ซึ่งในจำนวนนี้ มี 8 รายที่ได้รับการยืนยันว่าได้รับเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ และมี 386 รายที่ตรวจไม่พบเชื้อไวรัสฯ ดังกล่าว ส่วนอีก 227 รายกำลังเฝ้าติดตามอาการอย่างใกล้ชิด ซึ่งในเบื้องต้น ผลตรวจยืนยันแล้วว่า 92 คนในจำนวนดังกล่าว ไม่พบเชื้อไวรัสฯ ส่วนที่เหลือยังอยู่ในระหว่างรอผลการตรวจ