ช้ามไปยังส่วนข้อมูลหลัก
รองปธน.เฉินฯ ย้ำ ไต้หวันยังไม่เข้าข่ายพื้นที่ที่มีการแพร่กระจายในชุมชน ยังไม่จำเป็นต้องยกระดับมาตรการป้องกันให้เข้มข้นขึ้น
2020-02-18

เมื่อวันที่ 17 ก.พ. นายเฉินเจี้ยนเหริน รองประธานาธิบดีสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) โพสต์ข้อความผ่านสื่อโซเชียล โดยระบุว่า ไต้หวันยังไม่เข้าข่ายการเป็นพื้นที่ที่มีการแพร่กระจายในชุมชน ยังไม่จำเป็นต้องยกระดับมาตรการป้องกันให้เข้มข้นขึ้น (ภาพจากเฟซบุ๊กรองปธน.เฉินฯ)

เมื่อวันที่ 17 ก.พ. นายเฉินเจี้ยนเหริน รองประธานาธิบดีสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) โพสต์ข้อความผ่านสื่อโซเชียล โดยระบุว่า ไต้หวันยังไม่เข้าข่ายการเป็นพื้นที่ที่มีการแพร่กระจายในชุมชน ยังไม่จำเป็นต้องยกระดับมาตรการป้องกันให้เข้มข้นขึ้น (ภาพจากเฟซบุ๊กรองปธน.เฉินฯ)

เฟซบุ๊กรอง ปธน.เฉินฯ วันที่ 17 ก.พ. 63

 

เมื่อช่วงค่ำวันที่ 17 ก.พ. นายเฉินเจี้ยนเหริน รองประธานาธิบดี สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กว่า ไต้หวันยังไม่เข้าข่ายการเป็นพื้นที่ที่มี “การแพร่กระจายในชุมชน” ความเสี่ยงที่ผู้คนทั่วไปจะติดเชื้อในชุมชนอยู่ในระดับที่ต่ำมาก ดังนั้นจึงยังไม่มีความจำเป็นต้องยกระดับมาตรการป้องกันโรคระบาดให้เข้มข้นขึ้น โดยรองปธน.เฉินฯ ได้เรียกร้องให้ประชาชนตระหนักถึงความจำเป็นในการป้องกันโรคระบาดเบื้องต้น และรักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล ด้วยการหมั่นล้างมือ หลีกเลี่ยงการเข้าไปอยู่ในสถานที่แออัด หากมีอาการไม่สบายควรต้องพักผ่อนอยู่ในที่พักของตน พร้อมสวมหน้ากากอนามัย นอกจากนี้ รองปธน.เฉินฯ ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข ได้ชี้แจงถึงความต่างในนิยามของคำว่าการระบาดในชุมชน (local transmission) และการแพร่กระจายในชุมชน (community spread)


 

รองปธน.เฉินฯ เผยว่า กรณีผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยและยืนยันว่าติดเชื้อไวรัสโควิด – 19 รายที่ 19 ที่ได้ประกาศเมื่อวันที่ 16 ก.พ. เป็นชายวัย 61 ปี โดยผู้ป่วยรายนี้เริ่มมีอาการหายใจติดขัดตั้งแต่วันที่ 27 ม.ค. และเมื่อวันที่ 3 ก.พ. ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคปอดอักเสบ และเสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 15 ก.พ. ที่ผ่านมา หลังจากที่ได้ทำการตรวจสอบประวัติแล้วพบว่า เขาไม่มีประวัติการเดินทางไปต่างประเทศในช่วงที่ผ่านมา แต่ด้วยความที่เขามีอาชีพเป็นพนักงานขับรถแท็กซี่เช่าเหมา และผู้โดยสารส่วนมากเป็นนักท่องเที่ยวที่มาจากจีน ฮ่องกง และมาเก๊า เพราะฉะนั้นมีความเป็นไปได้สูงมากที่จะมีประวัติสัมผัสโดยตรงกับผู้ที่เป็นพาหะ จากรายงานการตรวจสอบของศูนย์บัญชาการกลางป้องกันโรคระบาด พบว่า ในช่วงที่ผ่านมาผู้ป่วยรายนี้ได้ให้บริการแก่ผู้โดยสาร ที่เป็นนักธุรกิจไต้หวันที่เดินทางกลับเข้าไต้หวัน ในช่วงเทศกาลตรุษจีน ซึ่งบรรดาผู้โดยสารเหล่านี้ได้อยู่ระหว่างการเฝ้าระวังเพื่อสังเกตอาการตนเอง ในจำนวนนี้มีผู้โดยสาร 3 คนที่มีประวัติเข้ารับการรักษา เนื่องจากอาการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ ขณะนี้ทางศูนย์บัญชาการฯ กำลังเร่งติดตามหาตัวผู้โดยสารทั้ง 3 คนนี้ และผู้ที่เคยมีการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่เสียชีวิต กล่าวโดยสรุป ผู้ป่วยที่เสียชีวิตรายนี้ถือได้ว่าเป็นกรณี “การระบาดในชุมชน” (local infected transmitted) ซึ่งขณะนี้ ทางเจ้าหน้าที่กำลังติดตามแหล่งที่มาของการติดเชื้อในครั้งนี้อย่างเร่งด่วน


 

รองปธน.เฉินฯ ระบุว่า นับตั้งแต่วันที่ 12 ก.พ.เป็นต้นไป ทางศูนย์บัญชาการฯ จะทำการตรวจคัดกรองเชื้อไวรัสโควิด – 19 ในกรณีของผู้ป่วยที่ได้รับแจ้งจากสถานพยาบาลทั่วทุกแห่งในไต้หวันว่า มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่รุนแรง แต่ผลการตรวจเชื้อไข้หวัดใหญ่เป็นลบ ซึ่งได้ทำการตรวจคัดกรองรวม 113 ราย ปรากฎว่า มีเพียงผู้ป่วยรายที่ 19 รายนี้เท่านั้นที่ผลการตรวจเป็นบวก


 

นอกจากนี้ รองปธน.เฉินฯ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า นายเฉินสือจง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้รายงานชี้แจงเกี่ยวกับการแพร่กระจายในชุมชน (community spread) ไว้ดังนี้ว่า : “เพียงแค่เคลื่อนไหวในชุมชน ก็สามารถติดต่อกันได้” โดยมีคุณลักษณะที่สังเกตเห็นได้ 4 ประการ ดังนี้ กรณีของผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยไม่สามารถค้นพบแหล่งที่มาของการติดเชื้อได้ ยอดผู้ป่วยที่ติดเชื้อในประเทศมีจำนวนมากกว่ายอดผู้ป่วยติดเชื้อที่เดินทางมาจากต่างประเทศ เกิดห่วงโซ่การแพร่กระจายโรคระบาดอย่างต่อเนื่อง และเกิดการแพร่กระจายในกลุ่มชนเป็นวงกว้าง


 

รองปธน.เฉินฯ กล่าวว่า ขณะนี้ทางศูนย์บัญชาการฯ กำลังเร่งตรวจสอบคุณลักษณะประการแรก ด้วยการเร่งตรวจสอบแหล่งที่มาของการติดเชื้อของผู้ป่วยรายที่ 19 ส่วนอีก 3 คุณลักษณะนั้นไม่พบร่องรอยในไต้หวัน “หรืออาจกล่าวได้ว่า ไต้หวันยังไม่เข้าข่ายพื้นที่ที่มีการแพร่กระจายในชุมชน ความเสี่ยงที่ผู้คนทั่วไปจะติดเชื้อในชุมชนอยู่ในระดับที่ต่ำมาก ดังนั้นจึงยังไม่จำเป็นต้องยกระดับมาตรการป้องกันโรคระบาด ที่ดำเนินการอยู่ในขณะนี้”


 

เมื่อวันที่ 17 ก.พ. ที่ผ่านมา ศูนย์บัญชาการฯ ได้แถลงสถานการณ์การระบาดล่าสุด พบว่าในไต้หวันมีผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อไวรัสโควิด – 19 เพิ่มขึ้นอีก 2 ราย รายแรกเป็นผู้หญิงวัย 80 ปีเศษที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ทางภาคกลางของไต้หวัน รายที่ 2 เป็นผู้ชายวัย 30 ปีเศษ ซึ่งทั้ง 2 กรณีนี้ ล้วนเป็นคนในครอบครัวเดียวกันกับผู้ป่วยรายที่ 19 และ 20 ที่ได้จัดแถลงไปเมื่อวันก่อน ทั้งนี้ ศูนย์บัญชาการฯ จะเร่งติดตามหาตัวผู้ที่เคยมีการติดต่อใกล้ชิดกับผู้ป่วย พร้อมทำการตรวจคัดกรองเชื้อไวรัส และกักกันตัวเพื่อสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด อีกทั้งจะดำเนินการตรวจสอบพฤติกรรมของผู้ป่วย และผู้ที่มีการติดต่อกับผู้ป่วยในช่วง 14 วันก่อนหน้าที่ผ่านมา เพื่อค้นหาแหล่งที่มาของการติดเชื้อในครั้งนี้ด้วย