ปธน. ไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ให้การต้อนรับ Mr. Randall Schriverประธาน “Project 2049 Institute” อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของสหรัฐอเมริกา ฝ่ายกิจการความมั่นคงเอเชียและแปซิฟิก (ภาพจากทำเนียบประธานาธิบดี)
ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 20 ก.พ. 63
เมื่อวันที่ 20 ก.พ. ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ให้การต้อนรับ Mr. Randall Schriverประธาน “Project 2049 Institute” อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของสหรัฐอเมริกา ฝ่ายกิจการความมั่นคงเอเชียและแปซิฟิก โดยปธน.ไช่ฯ ได้ใช้โอกาสนี้ กล่าวแสดงความขอบคุณสหรัฐฯ ที่ให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนไต้หวัน ในการเข้ามีส่วนร่วมในองค์การอนามัยโลก (WHO) พร้อมระบุว่า ความสัมพันธ์แบบหุ้นส่วนระหว่างไต้หวัน – สหรัฐฯ จะเป็นไปอย่างแน่นแฟ้น และนำไปสู่การเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน อีกทั้งยังเป็นการสร้างหลักประกันด้านสันติสุข เสถียรภาพ และความรุ่งเรืองให้เกิดแก่ภูมิภาคอินโด – แปซิฟิกอีกด้วย
ปธน.ไช่ฯ กล่าวขณะปราศรัยว่า ตนรู้สึกยินดีมากที่ปธ. Randall เลือกไต้หวันให้เป็นสถานที่แห่งแรกที่ออกเดินทางเยือน หลังจากที่ปลดเกษียณจากตำแหน่งหน้าที่ทางราชการ โดยตลอดระยะเวลาที่ ปธ. Randall ดำรงตำแหน่งเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของสหรัฐอเมริกา ฝ่ายกิจการความมั่นคงเอเชียและแปซิฟิกนั้น ได้ช่วยยกระดับความสัมพันธ์ในด้านความมั่นคงระหว่างไต้หวัน – สหรัฐฯ อย่างเต็มกำลัง โดยเฉพาะได้ให้ความช่วยเหลือในแผนอนุมัติการจำหน่ายเครื่องบินรบ F-16V ให้แก่ไต้หวัน ทั้งยังให้ความสำคัญต่อบทบาทและสถานะของไต้หวันในภูมิภาคอินโด – แปซิฟิกเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ ปธน.ไช่ฯ ยังได้กล่าวขอบคุณปธ. Randall ที่ได้ให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนไต้หวันในด้านประชาธิปไตย เสรีภาพ และความมั่นคงมาโดยตลอด
ปธน.ไช่ฯ ชี้ว่า จากผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ที่จัดขึ้นเมื่อเดือนที่แล้ว เห็นได้ว่า ประชาชนไต้หวันได้พร้อมใจกันในการธำรงไว้ซึ่งคุณค่าแห่งประชาธิปไตยอย่างหนักแน่น โดยในอนาคต ไต้หวันจะเสริมสร้างกลไกการปกป้องประชาธิปไตยอย่างต่อเนื่องต่อไป อีกทั้งคาดหวังว่าจะกระชับความร่วมมือกับสหรัฐฯ ซึ่งเป็นประเทศที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกัน ตลอดจนร่วมสร้างสันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองให้เกิดแก่ภูมิภาคอินโด – แปซิฟิกอย่างยั่งยืนสืบไป
ปธน.ไช่ฯ ได้กล่าวแสดงความขอบคุณต่อรัฐบาล รัฐสภา และประชาชนสหรัฐฯ ที่ได้ให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนไต้หวัน ในการเข้ามีส่วนร่วมใน WHO ด้วยความเชื่อมั่นว่า ปัญหาด้านสาธารณสุขไม่ควรถูกจำกัดด้วยเหตุผลทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์การป้องกันโรคระบาด ศักยภาพทางการแพทย์ หรือแม้แต่การส่งเสริมให้เกิดสันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาคอินโด – แปซิฟิก ไต้หวันต่างมีความสามารถและยินดีที่จะสร้างคุณประโยชน์ให้ประชาคมโลก ดังนั้นจึงไม่สมควรกีดกันไต้หวันในการเข้ามีส่วนร่วมในเวทีประชุมต่างๆ ด้วยเหตุผลทางการเมือง
ปธน.ไช่ฯ เผยว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ไต้หวันและสหรัฐฯ ต่างร่วมเสริมสร้างความสัมพันธ์แบบหุ้นส่วนระหว่างกัน ซึ่งรวมไปถึงการแลกเปลี่ยนความร่วมมือทางการทหาร และผลักดันการลงนามความร่วมมือการค้าสองฝ่าย (BTA) เพื่อยกระดับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างกัน ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่ายร่วมกันสืบไป
