ในงานแถลงข่าวของศูนย์บัญชาการกลางป้องกันโรคระบาด ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 29 ก.พ. ที่ผ่านมา ได้ชี้แจงเกี่ยวกับสถานการณ์การระบาดล่าสุด ซึ่งเมื่อวันที่ 27 ก.พ. สภาบริหาร สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ประกาศยกระดับศูนย์บัญชาการฯ ขึ้นเป็นหน่วยบัญชาการระดับสูงสุด โดยมีนายเฉินสือจง (กลาง) รับหน้าที่เป็นผู้บัญชาการ (ภาพจาก CNA)
สภาบริหาร วันที่ 27 ก.พ. 63
เมื่อวันที่ 27 ก.พ. ที่ผ่านมา หลังจากที่นายซูเจินชาง นายกรัฐมนตรี สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้รับฟังรายงานในประเด็น “สถานการณ์การระบาดล่าสุดของโรคโควิด – 19 และมาตรการรับมือ” จากกระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการ และ “มาตรการรับมือโรคระบาดในช่วงเปิดภาคการศึกษาและสถานการณ์ในปัจจุบัน” จากกระทรวงศึกษาธิการแล้ว ได้แสดงความเห็นว่า เนื่องจากสถานการณ์การระบาดทั่วโลกทวีความรุนแรงขึ้นทุกขณะ เพื่อรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว จึงได้อนุมัติข้อเสนอของนายเฉินสือจง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการ ด้วยการยกระดับศูนย์บัญชาการกลางป้องกันโรคระบาดขึ้นเป็นหน่วยบัญชาการระดับสูงสุด และขอให้นายเฉินสือจงรับหน้าที่เป็นผู้บัญชาการ พร้อมนี้ นรม.ซูฯ ยังได้กำชับให้ทุกหน่วยงานร่วมปกป้องประเทศอย่างเคร่งครัด พร้อมร่วมใจกันป้องกันการแพร่ระบาดของโรคและฟื้นฟูเศรษฐกิจในประเทศอย่างเต็มกำลัง
โดยนรม.ซูฯ เผยว่า สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด - 19 ยังคงทวีความรุนแรงขึ้นอย่างไม่มีทีท่าว่าจะสงบลงในเร็ววันนี้ ซึ่งขณะนี้ได้แพร่กระจายครอบคลุมยัง 46 ประเทศทั่วโลก โดยมีผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยและยืนยันว่าติดเชื้อไวรัสโควิด – 19 เป็นจำนวนทั้งหมด 7 หมื่นกว่าราย เฉพาะในประเทศจีน มีผู้ป่วยที่เสียชีวิตลงแล้ว 2 พันกว่าราย ตราบจนปัจจุบัน ไต้หวันสามารถควบคุมได้ในเบื้องต้น แต่ยังไม่อาจนิ่งนอนใจได้ เนื่องจากกรณีผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยและยืนยันว่าติดเชื้อไวรัสฯ นั้น เกิดการแพร่ระบาดในกลุ่มผู้ใกล้ชิด ดังนั้น ศูนย์บัญชาการฯ จึงจำเป็นต้องเตรียมพร้อมและมีมาตรการรับมือกับการแพร่ระบาดในชุมชนอย่างเร่งด่วนที่สุด โดยต้องการความร่วมมือจากทุกหน่วยงานทั้งส่วนส่วนกลางและท้องถิ่น
ทั้งนี้ นรม.ซูฯ ยังได้แสดงความขอบคุณต่อนายเสิ่นหรงจิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐการ ที่ได้ควบคุมการส่งออกหน้ากากอนามัยเป็นภารกิจต้นๆ อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการเรียกเก็บหน้ากากอนามัยที่ผลิตโดยผู้ประกอบการ มาให้รัฐเป็นผู้จัดจำหน่าย นอกจากนี้ สายการผลิตหน้ากากอนามัยกว่า 60 สาย ที่สร้างโดยงบประมาณของกระทรวงเศรษฐการ ได้เพิ่มกำลังการผลิตหน้ากากอนามัยให้มากขึ้น และเมื่อวันที่ 26 ก.พ. ที่ผ่านมา นรม.ซูฯ ก็ได้อนุมัติงบประมาณพิเศษอีก 90 ล้านเหรียญไต้หวัน เพื่อสร้างสายการผลิตเพิ่มขึ้นอีก 30 สาย โดยหวังว่าจะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตให้มีจำนวนพอเพียงกับความต้องการในยามจำเป็น พร้อมนี้ นรม.ซูฯ ก็ยังได้ขอบคุณนายสวีกั๋วหย่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ได้ช่วยประสานงานอย่างเต็มกำลัง เพื่อสร้างความเข้าใจถึงความจำเป็นในการเลื่อนการจัดกิจกรรมชุมนุมทางศาสนาของวัด ศาลเจ้า หรือคริสตจักรออกไปก่อน ซึ่งศาลเจ้าเจิ้นหลันกง ตำบลต้าเจี่ย ก็ยินยอมเลื่อนพิธีแห่เจ้าแม่มาจู่ออกไป เพื่อเห็นแก่ความสำคัญของมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรค ทำให้ลดความกังวลลงไปได้ไม่น้อย พร้อมนี้ ยังได้กำชับให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งวางแผนมาตรการรับมือกับกิจกรรมประจำปีของสถาบันการศึกษาทั่วประเทศด้วย
นรม.ซูฯ ชี้แจงปิดท้ายว่า เทศกาลเชงเม้งในปีนี้ใกล้เวียนมาบรรจบอีกแล้ว เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องยิ่งต้องเร่งประชาสัมพันธ์มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดกันอย่างเต็มที่ และต้องกำชับให้นักธุรกิจชาวไต้หวันที่พำนักในต่างประเทศ และชาวจีนโพ้นทะเล รับทราบโดยทั่วกันว่า หลังจากที่กลับเข้ามายังไต้หวันแล้ว ต้องกักตนเองอยู่ในบ้านเพื่อเฝ้าสังเกตการณ์อาการ เป็นเวลา 14 วัน รวมถึงแจ้งให้ทราบถึงบทลงโทษที่เกี่ยวข้อง และค่าปรับตามกฎหมาย รวมทั้งต้องแจ้งให้ทราบตั้งแต่ก่อนขึ้นเครื่องบิน ในส่วนของข้อกฎหมายว่าด้วยการป้องกันโรคระบาด โดยขอให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงของแต่ละหน่วยงานกระทรวงกำชับหน่วยงานในสังกัด ให้เร่งดำเนินการอย่างเคร่งครัดต่อไป