เมื่อวันที่ 19 มี.ค. ปธน.ไช่อิงเหวิน ผู้นำแห่งสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ในช่วงที่ผ่านมา ณ ทำเนียบประธานาธิบดี ภาพจากทำเนียบประธานาธิบดี

ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 19 มี.ค. 63

เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 19 มี.ค. ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำแห่งสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) พร้อมด้วยนายเฉินเจี้ยนเหริน รองประธานาธิบดีฯ ร่วมกันแถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (โควิด-19) ที่ได้ลุกลามไปทั่วโลก พร้อมตอบคำถามผู้สื่อข่าว ณ ทำเนียบประธานาธิบดี ปธน.ไช่ฯ ชี้ว่า อีก 14 วันข้างหน้า ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญในการสกัดกั้นโรคระบาดช่วงที่ 2 จึงขอเรียกร้องให้ประชาชนทุกคนให้ความร่วมมือกับกฏระเบียบของศูนย์บัญชาการกลางป้องกันโรคระบาดไต้หวัน (Central Epidemic Command Center, CECC) อย่างเคร่งครัด

ปธน.ไช่ฯ กล่าวว่า แม้เราจะประสบความสำเร็จในการสกัดกั้นโรคระบาดไว้ได้อย่างอยู่หมัดในช่วงแรก อีกทั้งยังได้รับการยอมรับจากนานาชาติอย่างแพร่หลาย แต่ในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมา จะเห็นว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด – 19 ลุกลามไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่ารัฐบาลจะเร่งดำเนินมาตรการป้องกันการระบาดล่วงหน้า (pre – deployment or advance deployment) แต่ยอดผู้ติดเชื้อจากต่างประเทศและเดินทางเข้าไต้หวันในระลอกที่ 2 พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ปธน.ไช่ฯ ระบุว่า อีก 14 วันข้างหน้า เป็นช่วงเวลาสำคัญในการสกัดกั้นโรคระบาดช่วงที่ 2 เราต้องมีความเด็ดเดี่ยวในการเผชิญหน้ากับความท้าทายในครั้งนี้ โดยปธน.ไช่ฯ ได้กล่าวเรียกร้องให้ประชาชนให้ความร่วมมือกับมาตรการดังต่อไปนี้

ประการที่ 1 ประชาชนทุกคนต้องให้ความร่วมมือกับกฎระเบียบของ CECC อย่างเต็มที่ แม้ มาตรการป้องกันโรคระบาดหลายประการ ได้สร้างความลำบากในการใช้ชีวิตของประชาชน แต่อย่างไรก็ตาม ปธน.ไช่ฯ ได้เรียกร้องให้ประชาชนอดทน พร้อมกล่าวว่า นี่เป็นหนทางแห่งการปกป้องตนเองและปกป้องชุมชนของเรา

ประการที่ 2 อย่าเกลียดชังและต่อว่าซึ่งกันและกัน ปธน.ไช่ฯ ย้ำเตือนว่า พวกเราต้องแสดงความขอบคุณประชาชนทุกคนที่ให้ความร่วมมือในการกักตัวและสังเกตอาการตัวเองอย่างเข้มงวดเป็นเวลา 14 วัน เนื่องจากพวกเขาคำนึงถึงสุขภาพของส่วนรวม และพร้อมให้ความร่วมมือกับมาตรการป้องกันของ CECC อย่างเคร่งครัด

ประการที่ 3 อย่าสร้างความตื่นตระหนก แต่ควรช่วยกันเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้อง สำหรับทรัพยากรทางการแพทย์นั้น รัฐบาลได้จัดเตรียมอุปกรณ์และสิ่งจำเป็นไว้อย่างเพียงพอ ส่วนการจัดสรรหน้ากากอนามัยแบบยืนยันตนจากบัตรประกันสุขภาพ ก็จะพิจารณาเพิ่มโควต้าจัดสรรตามความต้องการต่อไป อีกทั้งยังได้กำหนดหลักการควบคุมการเข้าออกประเทศเพื่อควบคุมการเดินทางเข้าออกของบุคคลที่ไม่มีความจำเป็น แต่การขนส่งสินค้ายังคงเป็นไปตามปกติ สินค้าอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวัน ยังคงมีจำนวนเพียงพอต่อความต้องการของประชาชนทุกคน โดยรัฐบาลจะสร้างหลักประกันในการจัดสรรอุปทานให้เพียงพอต่ออุปสงค์ในประเทศต่อไป ประชาชนไม่จำเป็นต้องแย่งกันจับจ่าย กักตุนสินค้า หากพบว่ามีผู้กักตุนของหรือโก่งราคาสินค้า จะถูกลงโทษอย่างหนัก

ลำดับต่อมา ปธน.ไช่ฯ ได้ชี้แจงถึงสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศ พร้อมเน้นย้ำว่า รัฐบาลได้วางแผนรับมือล่วงหน้า และดำเนินการเสริมสร้างมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ฟื้นฟูภาคอุตสาหกรรม และรักษาเสถียรภาพทางการเงินอย่างเต็มกำลัง พร้อมให้คำมั่นว่าทุกภาคส่วนจะทำหน้าที่ของตนอย่างสุดกำลัง เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ในการสกัดกั้นโรคระบาดและปกป้องประชาชน

ในตอนท้าย ปธน.ไช่ฯ กล่าวว่า ทุกประเทศทั่วโลกได้ประจักษ์ถึงพลังความสามัคคีอันแข็งแกร่งของประชาชนชาวไต้หวัน ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดในครั้งนี้ จากประสบการณ์การเผชิญหน้ากับวิกฤตครั้งที่ผ่านๆ มา ได้แปรเปลี่ยนเป็นพลังที่ทำให้เราสามารถเผชิญหน้ากับความท้าทายในครั้งนี้ได้อย่างเข้มแข็ง ดังนั้น แม้จะยากลำบากสักเพียงใด แต่หลังจากผ่านวิกฤตครั้งนี้ไป ไต้หวันจะแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมอย่างแน่นอน