ช้ามไปยังส่วนข้อมูลหลัก
ห้ามผู้โดยสารทั่วโลกมาเปลี่ยนเครื่องที่ไต้หวัน ตั้งแต่วันที่ 24 มี.ค. - 7 เม.ย. นี้
2020-03-23

เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 22 มี.ค. ที่ผ่านมา นายเฉินสือจง ผู้บัญชาการศูนย์บัญชาการกลางป้องกันโรคระบาดไต้หวัน แถลงว่า ไต้หวันมีกรณีผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มขึ้น 16 ราย ในจำนวนนี้ มี 13 รายเป็นผู้ป่วยที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ อีก 3 รายเป็นผู้ป่วยติดเชื้อภายในประเทศ โดยมียอดผู้ป่วยยืนยันในประเทศรวม 169 ราย (ภาพจาก CNA)

เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 22 มี.ค. ที่ผ่านมา นายเฉินสือจง ผู้บัญชาการศูนย์บัญชาการกลางป้องกันโรคระบาดไต้หวัน แถลงว่า ไต้หวันมีกรณีผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มขึ้น 16 ราย ในจำนวนนี้ มี 13 รายเป็นผู้ป่วยที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ อีก 3 รายเป็นผู้ป่วยติดเชื้อภายในประเทศ โดยมียอดผู้ป่วยยืนยันในประเทศรวม 169 ราย (ภาพจาก CNA)

CECC วันที่ 22 มี.ค. 63

 

เมื่อวันที่ 22 มี.ค. ที่ผ่านมา ศูนย์บัญชาการกลางป้องกันโรคระบาดไต้หวัน (Central Epidemic Command Center, CECC) แถลงว่า จากการที่การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้ลุกลามจนกลายเป็นการระบาดใหญ่ทั่วโลก (Pandemic) ประกอบกับยอดผู้ป่วยที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เพื่อหลีกเลี่ยงการแพร่ระบาดในการคมนาคมขนส่งทางอากาศ นับตั้งแต่เวลา 0 นาฬิกาของวันที่ 24 มี.ค. ตามเวลาในไต้หวันเป็นต้นไป จนถึงวันที่ 7 เม.ย. นี้ห้ามไม่ให้ผู้โดยสารจากทั่วโลกเดินทางมาเปลี่ยนเครื่องที่ไต้หวัน ทั้งนี้ เพื่อควบคุมการเดินทางเข้าออกของผู้เดินทางระหว่างประเทศ และเพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโรคโควิด - 19


 

ทั้งนี้ CECC ระบุว่า ประชาชนที่เดินทางกลับเข้าประเทศต้องกรอกแบบประเมินสุขภาพตามความเป็นจริงทุกประการ และจะได้รับหนังสือแจ้งเตือนการถูกกักตัวในบ้าน หากมีอาการต้องสงสัย อาทิ เป็นไข้ หรือมีอาการไอ ต้องรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ศูนย์ป้องกันโรคระบาดและให้ความร่วมมือกับมาตรการป้องกันโรคระบาดที่เกี่ยวข้อง ภายใน 14 วันหลังกลับเข้าสู่ไต้หวัน หากมีอาการต้องสงสัย ต้องรีบโทรแจ้งสายด่วน 1922 หรือ 0800-001-922 พร้อมทั้งสวมหน้ากากอนามัยตามคำชี้แนะ ตลอดจนเข้ารับการรักษาโดยทันที นอกจากนี้ ผู้ป่วยต้องแจ้งประวัติการเดินทาง (Travel) ประเภทอาชีพ (Occupation) ประวัติการสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยัน (Contact) หรือประวัติการรวมกลุ่มกับกลุ่มชน (Cluster) หรือที่เรียกโดยรวมว่า TOCC กับแพทย์ผู้รักษาอย่างละเอียด และต้องรายงานข้อมูลล่าสุดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับทราบในทันที


 

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 22 มี.ค. ที่ผ่านมา CECC ได้ประกาศว่ามีกรณีผู้ป่วยยืนยันในประเทศเพิ่มขึ้น 16 ราย ในจำนวนนี้มี 13 รายเป็นผู้ป่วยที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ ส่วนอีก 3 รายเป็นผู้ป่วยที่ติดเชื้อภายในประเทศ เป็นชาย 9 ราย หญิง 7 ราย โดยอายุระหว่าง 10-70 ปี ช่วงเวลาที่เดินทางเข้าสู่ประเทศอยู่ระหว่างวันที่ 10 – 20 มี.ค. ที่ผ่านมา ส่วนช่วงเวลาที่เริ่มปรากฎอาการอยู่ระหว่างวันที่ 7 – 20 มี.ค. ก่อนหน้านี้ผู้ป่วยยืนยันเหล่านี้มีประวัติการเดินทางไปยังสหรัฐอเมริกา อียิปต์ เยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี อังกฤษ เดนมาร์ก นิวซีแลนด์ และฟิลิปปินส์ เป็นต้น ทาง CECC เผยว่าตราบจนวันที่ 21 มี.ค. มีผู้ที่มีอาการต้องสงสัยที่ได้รับรายงานเพิ่มขึ้น 1,066 คน ยอดสะสมรวม 23,805 คน (จำนวนนี้รวมผู้ที่ได้รับการยืนยันภายหลังว่า ไม่ได้มีการติดเชื้อไวรัสโควิด – 19 ทั้งสิ้น 21,790 คน) โดยกรณีผู้ป่วยยืนยันมีจำนวน 169 คน ซึ่งจากจำนวนทั้งหมดนี้ มี 133 รายเป็นผู้ป่วยที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ ส่วนอีก 36 ราย เป็นผู้ป่วยที่ติดเชื้อภายในประเทศ ในจำนวนผู้ป่วยยืนยันทั้งหมด มีผู้เสียชีวิตแล้ว 2 ราย มี 28 รายที่ได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้ ส่วนผู้ป่วยที่เหลือมีสุขภาพแข็งแรงขึ้นเป็นลำดับ แต่ยังอยู่ในระหว่างการกักตัวอยู่ที่โรงพยาบาล เพื่อติดตามอาการอย่างใกล้ชิดต่อไป