ช้ามไปยังส่วนข้อมูลหลัก
รมว.ต่างประเทศไต้หวันให้สัมภาษณ์ต่อสื่อแคนาดาเพื่อแบ่งปันประสบการณ์การป้องกันโรคโควิด – 19 ของไต้หวัน
2020-03-23

เมื่อวันที่ 19 มี.ค. ที่ผ่านมา นายอู๋เจาเซี่ย รมว.ต่างประเทศไต้หวันได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวของ CBC ร่วมแบ่งปันประสบการณ์การป้องกันโรคระบาดที่ประสบผลสำเร็จของไต้หวัน (ภาพจาก CNA)

เมื่อวันที่ 19 มี.ค. ที่ผ่านมา นายอู๋เจาเซี่ย รมว.ต่างประเทศไต้หวันได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวของ CBC ร่วมแบ่งปันประสบการณ์การป้องกันโรคระบาดที่ประสบผลสำเร็จของไต้หวัน (ภาพจาก CNA)

MOFA วันที่ 22 มี.ค. 63

 

เมื่อวันที่ 19 มี.ค. ที่ผ่านมา นายอู๋เจาเซี่ย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ให้สัมภาษณ์ต่อ Canada Broadcasting Corporation (CBC) ของแคนาดา โดยได้ร่วมแบ่งปันประสบการณ์ความสำเร็จของไต้หวันในการป้องกันโรคโควิด-19 ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับ Mr. David Common พิธีกรรายการนิตยสารข่าวโทรทัศน์ Marketplace ของบริษัท CBC


 

Mr. David Common ชื่นชมความสำเร็จในการป้องกันโรคระบาดของไต้หวัน ว่ามีประสิทธิภาพกว่าประเทศอื่นๆ พร้อมถามว่า ไต้หวันมีมาตรการป้องกันโรคระบาดที่ประสบผลสำเร็จอย่างไรบ้าง ที่จะสามารถเป็นตัวอย่างให้แก่แคนาดา ซึ่งรมว.อู๋ฯ ตอบไปว่า ความสำเร็จของไต้หวันเกิดจากการการตอบสนองต่อสถานการณ์ล่าสุดอย่างรวดเร็ว และเริ่มดำเนินมาตรการป้องกันโรคระบาดแต่เนิ่นๆ เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ขณะที่ไต้หวันพบว่ามีผู้ป่วยที่มีอาการคล้ายกับโรคซาร์ส (SARS) เกิดขึ้นที่เมืองอู่ฮั่น ทางการไต้หวันก็ได้ส่งผู้เชี่ยวชาญไปทำความเข้าใจโดยทันที พร้อมจัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจขึ้นเพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หลังจากได้เล็งเห็นถึงอัตราการขยายตัวของจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มมากขึ้น ทางการก็ได้เร่งจัดตั้งศูนย์บัญชาการกลางป้องกันโรคระบาด (Central Epidemic Command Center, CECC) ขึ้น โดยกำหนดให้กระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการสังคมเป็นศูนย์กลางหลัก ผนวกเข้ากับความสามัคคีของทุกหน่วยงาน อันประกอบด้วย กระทรวงเศรษฐการช่วยเร่งแก้ไขปัญหาด้านการกระตุ้นเศรษฐกิจและการจัดสรรทรัพยากรทางการแพทย์ กระทรวงการต่างประเทศเฝ้าจับตาสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ทั่วโลก พร้อมออกมาตรการรับมืออย่างทันท่วงที รวมถึงสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองที่ได้ดำเนินการควบคุมการเข้าออกประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นต้น


 

นอกจากนี้ รมว.อู๋ฯ ยังชี้ว่า กุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จอีกประการคือ ไต้หวันมีระบบประกันสุขภาพแห่งชาติที่ครอบคลุมทั่วทั้งประเทศ จึงทำให้ประชาชนทุกคนได้รับหน้ากากอนามัยผ่านการยืนยันตนจากบัตรประกันสุขภาพได้ ขณะเดียวกันก็มีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีบิ๊กดาต้า ในการเฝ้าติดตามผู้ป่วยยืนยันและผู้ที่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยยืนยัน โดยสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การประกาศแจ้งข้อมูลสถานการณ์การแพร่ระบาดที่โปร่งใส การเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใสได้สร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคประชาชน ส่งผลให้ประชาชนส่วนมากยินดีให้ความร่วมมือกับนโยบายป้องกันโรคระบาดที่รัฐบาลได้ประกาศเตือน ด้วยความเต็มใจ


 

โดยพิธีกรฯ ได้ขอให้รมว.อู๋ฯ ให้คำแนะนำเกี่ยวกับมาตรการป้องกันโรคระบาดที่สำคัญ ที่จะเป็นตัวอย่างสำหรับแคนาดานำไปใช้ ซึ่งรมว.อู๋ฯ ได้เน้นย้ำว่า ข้อมูลจากทางภาครัฐยิ่งโปร่งใสยิ่งดี แคนาดาก็เป็นประเทศประชาธิปไตยประเทศหนึ่ง เชื่อว่าจะสามารถสร้างความโปร่งใสให้เกิดขึ้นด้วยการเปิดเผยข้อมูลทางภาครัฐได้เช่นกัน รมว.อู๋ฯ ยังได้เรียกร้องว่า หากสถานการณ์โรคระบาดในครั้งนี้สงบลงเมื่อใด แคนาดา สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และประเทศแถบยุโรปที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกันควรเปิดการอภิปรายร่วมกัน ในการร่างแผนกลยุทธ์เพื่อรับมือกับโรคระบาดติดต่อร้ายแรงอย่างเช่นโรคโควิด – 19 ในครั้งนี้ และหากทั่วโลกต้องการ ไต้หวันก็ยินดีที่จะแบ่งปันประสบการณ์การป้องกันโรคระบาดของไต้หวันให้อย่างเต็มใจ


 

เมื่อถูกถามว่าจะสามารถจัดการกับปัญหาการขาดแคลนทรัพยากรการป้องกันโรคระบาดได้อย่างไร รมว.อู๋ฯ ตอบว่า ถึงแม้ว่าไต้หวันจะมีธุรกิจภาคเอกชนมากมายที่ดำเนินการผลิตอุปกรณ์ที่ใช้ในการป้องกันโรคระบาด แต่รัฐบาลไต้หวันก็ได้เรียกร้องให้รัฐวิสาหกิจมีส่วนร่วมในการผลิต และจัดสรรทรัพยากรให้กับโรงเรียนหรือสถานที่สำคัญๆ เป็นอันดับแรก ขณะเดียวกันก็ได้นำเข้าทรัพยากรที่จำเป็น เพื่อสร้างหลักประกันในการจัดสรรอุปทานให้เพียงพอต่ออุปสงค์ในประเทศต่อไป


 

ในช่วงท้าย ผู้สื่อข่าวได้ถามว่า ไต้หวันมีมาตรการในการรับมือกับประชาชนที่ทยอยกันกลับเข้าสู่ประเทศอย่างไร รมว.อู๋ฯ กล่าวว่า ประชาชนทุกคนที่เดินทางกลับเข้ามา ต่างให้ความร่วมมือกับรัฐบาลในการกักตัว 14 วันในบ้านอย่างเคร่งครัด และต้องนำโทรศัพท์ที่ติดตั้งระบบติดตาม GPS ติดตัวไว้ตลอด เพื่อสะดวกต่อการติดตามตัวของเจ้าหน้าที่ของ CECC นอกจากนี้ ในท่าอากาศยานยังได้มีการจัดตั้งระบบตรวจวัดอุณหภูมิแบบอินฟราเรดเพื่อสแกนผู้โดยสารขาเข้า หากผู้เดินทางมีอาการเป็นไข้หรือมีอาการต้องสงสัย ต้องเข้ารับการตรวจคัดกรองที่ท่าอากาศยานในทันที ส่วนผู้เดินทางที่ไม่ปรากฎอาการ ต้องกักตัวเฝ้าสังเกตการณ์อาการในบ้าน สำหรับผู้ที่ไม่มีถิ่นที่อยู่อาศัยในประเทศจะได้รับการจัดเตรียมให้เข้าพักในสถานตรวจคัดกรองและกักกันโรค เพื่อเฝ้าติดตามอาการต่อไป