ช้ามไปยังส่วนข้อมูลหลัก
นักธุรกิจไต้หวันในประเทศไทยบริจาคเวชภัณฑ์ป้องกันโรคระบาด ช่วยเหลือสกัดกั้นโรคระบาดในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ
2020-04-28

นักธุรกิจไต้หวันและชาวจีนโพ้นทะเลในประเทศไทย บริจาคเวชภัณฑ์ป้องกันโรคระบาดให้แก่สถานีตำรวจภูธรบางปู เพื่อช่วยเหลือสกัดกั้นโรคระบาดในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ (ภาพจาก TECO)

นักธุรกิจไต้หวันและชาวจีนโพ้นทะเลในประเทศไทย บริจาคเวชภัณฑ์ป้องกันโรคระบาดให้แก่สถานีตำรวจภูธรบางปู เพื่อช่วยเหลือสกัดกั้นโรคระบาดในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ (ภาพจาก TECO)

TECO วันที่ 27 เม.ย. 63

 

เมื่อวันที่ 27 เม.ย. คณะกรรมการกิจการชาวจีนโพ้นทะเล สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) แถลงว่า “คณะทำงานเฉพาะกิจสำหรับนักธุรกิจไต้หวันในไทย เพื่อรับมือกับโรคโควิด – 19” ที่เกิดจากการรวมตัวกันระหว่างนักธุรกิจไต้หวันและชาวจีนโพ้นทะเลในไทย ได้ส่งตัวแทนเดินทางไปเข้าร่วมกิจกรรมบริจาคเวชภัณฑ์ในการป้องกันโรคระบาดให้แก่สถานีตำรวจภูธรและชุมชนในพื้นที่ ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติของไทยและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสมุทรปราการ ได้ร่วมกันจัดขึ้น เมื่อวันที่ 23 เม.ย. ที่ผ่านมา โดยตัวแทนของคณะทำงานเฉพาะกิจฯ ที่เดินทางไปเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว ประกอบด้วย นางหลินเหอเพ่นเจวียน นายกสมาคมไต้หวันแห่งประเทศไทย นายจางเหวินห้วน ประธานชมรมตำรวจโรงงานสากลในประเทศไทย นางกัวซิวหมิ่น นายกสมาคมการค้าไทย – ไต้หวัน พร้อมด้วยผู้ประกอบการบริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (Delta Electronics (Thailand) Public Co.,Ltd) และผู้ประกอบการไต้หวันในไทยอีก 14 ราย ได้ร่วมกันบริจาคหน้ากากอนามัย น้ำยาฆ่าเชื้อโรค และเวชภัณฑ์ในการป้องกันโรคระบาดที่จำเป็นให้แก่สถานีตำรวจภูธรในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการและกลุ่มผู้ด้อยโอกาส เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในภารกิจการป้องกันโรคระบาดในชุมชน


 

ดร. ถงเจิ้นหยวน ผู้แทนรัฐบาลไต้หวันประจำประเทศไทย ได้ตอบรับคำเชิญเดินทางไปเข้าร่วมเป็นสักขีพยานร่วมกับ พันตำรวจเอก พิสุทธิ์ จันทรสุวรรณ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรบางปู นายชาติชาย อุทัยพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ และนายยงยุทธ สุวรรณบุตร ส.ส.จังหวัดสมุทรปราการ ในพิธีส่งมอบสิ่งของบริจาคครั้งนี้ด้วย


 

ดร.ถงเจิ้นหยวน กล่าวขณะปราศรัยในพิธีดังกล่าวว่า ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19) ที่ลุกลามไปทั่วโลก กระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) และเทศบาลนครเถาหยวนได้ทยอยบริจาคหน้ากากอนามัย จำนวน 200,000 แสนชิ้น และชุดป้องกันส่วนบุคคล (Personal Protective Equipment, PPE) จำนวน 15,000 ชุดให้กับรัฐบาลไทย ซึ่งนอกจากจะแสดงให้เห็นถึง การป้องกันโรคระบาดไร้พรมแดน ยังสะท้อนให้เห็นถึงสปิริตความร่วมมือในการสกัดกั้นโรคโควิด – 19 ระหว่างไต้หวัน – ไทยอีกด้วย นอกจากหน่วยงานรัฐบาลที่ส่งเสริมให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มกำลังแล้ว ในปัจจุบันชาวจีนโพ้นทะเลในไทยก็ได้ร่วมจัดตั้ง “คณะทำงานเฉพาะกิจสำหรับนักธุรกิจไต้หวันในไทย เพื่อรับมือกับโรคโควิด – 19” ในการระดมทุนเพื่อการสกัดกั้นโรคระบาดในชุมชนของไทย เพียงเวลาไม่กี่วันก็สามารถระดมทุนได้เป็นจำนวนเงินกว่า 7.8 ล้านบาท ซึ่งทางคณะทำงานเฉพาะกิจฯ ได้จัดสรรเวชภัณฑ์ในการป้องกันโรคระบาดที่จำเป็น เพื่อส่งมอบให้แก่หลายพื้นที่ในไทย แสดงให้เห็นถึงความรักความห่วงใยที่นักธุรกิจไต้หวันในไทยมีต่อชุมชน


 

ดร.ถงฯ เน้นย้ำว่า ในจังหวัดสมุทรปราการนอกจากจะเป็นแหล่งรวมนักธุรกิจไต้หวันในไทยแล้ว ในเขตพื้นที่ดังกล่าวนี้ ยังมีสมาคมไต้หวันแห่งประเทศไทย และศาลเจ้าของไต้หวันด้วย การบริจาคที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างนักธุรกิจไต้หวันและชาวจีนโพ้นทะเลในไทยให้แก่สถานีตำรวจภูธรบางปูในครั้งนี้ ถือเป็นการแสดงความขอบคุณต่อบรรดาตำรวจที่รับผิดชอบดูแลความปลอดภัยของประชาชน ช่วยให้ผู้ประกอบการในพื้นที่สามารถประกอบอาชีพได้อย่างไร้กังวล


 

หลังเสร็จสิ้นพิธีส่งมอบสิ่งของบริจาคแก่สถานีตำรวจภูธรบางปูแล้ว ตัวแทน “คณะทำงานเฉพาะกิจฯ” ได้เดินทางต่อไปยังตำบลแพรกษา อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมบริจาคเวชภัณฑ์ในการป้องกันโรคระบาดและชุดอาหารแห้งให้แก่กลุ่มผู้ด้อยโอกาส ที่ร่วมกันจัดขึ้นระหว่างคณะทำงานเฉพาะกิจฯ กับนายยงยุทธ เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนผู้ยากไร้ในชุมชน ในการร่วมกันต่อกรกับวิกฤตโรคระบาดในครั้งนี้ ดร.ถงฯ ได้เดินทางไปร่วมสังเกตการณ์ และเป็นสักขีพยานร่วมกับนายชาติชาย พร้อมทั้งเป็นผู้แจกสิ่งของให้แก่ประชาชนที่มาต่อแถวรอรับสิ่งของบริจาคด้วยตนเอง นับเป็นการส่งมอบความรักความห่วงใยของบรรดานักธุรกิจไต้หวันที่มีต่อสังคมไทย ผ่านกิจกรรมในครั้งนี้


 

ดร.ถงฯ กล่าวว่า มีนักธุรกิจไต้หวันจำนวนมากที่เข้ามาตั้งรากฐานธุรกิจในประเทศไทยเป็นเวลากว่า 30 ปี ในปัจจุบันมีนักธุรกิจไต้หวันที่มีฐานธุรกิจในไทยร่วม 5,000 บริษัท ประมาน 150,000 คน กิจกรรมที่จัดขึ้นในครั้งนี้ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความร่วมมือในการตอบแทนสังคมไทย หลังจากที่ประสบความสำเร็จในการประกอบกิจการในพื้นที่แล้ว อีกทั้งจากการบริจาคในครั้งนี้ ยังแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวัน – ไทย ที่เปรียบเสมือนพี่น้องในครอบครัวเดียวกัน ซึ่งจะเป็นพื้นฐานในการเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างภาคประชาชนระหว่างไต้หวัน – ไทยสืบต่อไป