ช้ามไปยังส่วนข้อมูลหลัก
การกำหนดนโยบายของรัฐบาลไต้หวัน ได้รับเสียงชื่นชมจากหอการค้าสหรัฐฯ
2020-06-12
New Southbound Policy。เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. ที่ผ่านมา หอการค้าสหรัฐฯ จัดงานแถลงข่าว ภายใต้หัวข้อ “สมุดปกขาว สำหรับไต้หวัน ปี 2020”
เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. ที่ผ่านมา หอการค้าสหรัฐฯ จัดงานแถลงข่าว ภายใต้หัวข้อ “สมุดปกขาว สำหรับไต้หวัน ปี 2020”

NDC วันที่ 10 มิ.ย. 63

 

เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. นายกงหมิงซิน ประธานคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาแห่งชาติ (National Development Council, NDC) ได้เข้าร่วมงานแถลงข่าว ภายใต้หัวข้อ “สมุดปกขาว สำหรับไต้หวัน ปี 2020” (2020 Taiwan White Paper) ของหอการค้าสหรัฐอเมริกา พร้อมทำหน้าที่เป็นตัวแทนของรัฐบาลไต้หวันในการรับมอบสมุดปกขาว นอกจากนี้ หอการค้าสหรัฐฯ ยังได้ให้การยอมรับอย่างสูงต่อแนวทางปฏิบัติในการป้องกันโรคระบาดของไต้หวัน ที่กำกับการบริหารโดยประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) และคณะรัฐมนตรีภายใต้การนำของนายกซูเจินชาง โดยนายกงฯ กล่าวขณะปราศรัยว่า ขอขอบคุณสำหรับเสียงชื่นชมของหอการค้าและการอุทิศตนของนางเฉินเหม่ยหลิง อดีตประธาน NDC โดยสาระสำคัญภายในสมุดปกขาวปี 2019 มีทั้งหมด 11 รายการที่ได้รับการแก้ไขให้ลุล่วง พร้อมกล่าวว่า จะร่วมเดินหน้าไปพร้อมกับหอการค้า ภายใต้พื้นฐานที่มีอยู่เดิม เพื่อแสวงหาฐานการตลาดในอนาคตร่วมกันต่อไป


 

หอการค้าสหรัฐฯ ระบุลงในสมุดปกขาว สำหรับไต้หวัน ปี 2020 ว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19) ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลกอย่างรุนแรง เป็นทั้งวิกฤตและโอกาสในคราวเดียวกัน ผลสัมฤทธิ์ด้านการป้องกันโรคระบาดได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายจากประชาคมโลก ไต้หวันจึงสามารถใช้โอกาสนี้ แสวงหาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์แนวใหม่ พร้อมนี้ หอการค้าสหรัฐฯ ยังได้เรียกร้องต่อรัฐบาลสหรัฐฯ ให้เร่งเสริมสร้างความสัมพันธ์แบบหุ้นส่วนกับไต้หวันในเชิงลึก ผลักดันข้อตกลงการค้าระดับทวิภาคี ตลอดจนให้การสนับสนุนไต้หวันเข้ามีส่วนร่วมในประชาคมโลกต่อไป


 

นายกงฯ กล่าวขณะปราศรัยว่า ตั้งแต่ความขัดแย้งทางสงครามการค้าจีน – สหรัฐฯ มาจนถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ส่งผลให้แนวโน้มเศรษฐกิจการค้าเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ในช่วงระหว่างสงครามการค้าจีน – สหรัฐฯ ทั่วโลกต่างคิดเห็นว่า ไต้หวันต้องได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงแน่นอน แต่ผลปรากฎว่าไต้หวันมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างเห็นได้ชัด จนสามารถกลับขึ้นสู่อันดับ 1 ของสี่เสือแห่งเอเชีย นับตั้งแต่ปีที่แล้วจนถึงปีนี้ รัฐบาลไต้หวันได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ มากมาย อาทิ โครงการต้อนรับนักธุรกิจไต้หวันกลับเข้ามาลงทุนในไต้หวัน โครงการส่งเสริมการลงทุนของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และโครงการส่งเสริมการลงทุนของผู้ประกอบการที่ลงหลักปักฐานอยู่ในไต้หวัน  ซึ่งจะทำให้มีเม็ดเงินลงทุนใหม่ราว 1 ล้านล้านเหรียญไต้หวัน ไหลทะลักเข้ามาสู่ประเทศ จากตอนแรกที่ไต้หวันต้องพึ่งพาห่วงโซ่อุปทานจากจีน แต่เนื่องด้วยปัญหาด้านความปลอดภัยของข้อมูล ทำให้มีการเคลื่อนย้ายเซิร์ฟเวอร์ระดับสูงกลับเข้ามาในไต้หวัน และส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างห่วงโซ่อุปทานโลก


 

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 การป้องกันโรคระบาดของไต้หวันได้ใช้มาตรการป้องกันโรคระบาดแบบล่วงหน้า แม้ว่าประชาชนโดยส่วนมากจะได้รับผลกระทบจากวิกฤตโรคระบาด แต่เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ภาคธุรกิจก็ยังคงสามารถประคองตัวไว้ได้ ด้านภาพรวมของเศรษฐกิจ อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของไต้หวันในไตรมาสแรก ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.59 โดยปีนี้คาดว่าจะแตะระดับที่ร้อยละ 1.67 นอกจากนี้ ในด้านการส่งออก ได้รับอานิสงส์จากผลิตภัณฑ์ด้านเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมสารสนเทศ (IT) ซึ่งมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นตลอดตั้งแต่เดือนมกราคม – พฤษภาคม โดยเฉพาะในเดือนพฤษภาคม สหรัฐฯ ได้กลายเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของไต้หวัน


 

นายกงฯ ชี้แจงเพิ่มเติมว่า ในอนาคต NDC จะเร่งผลักดันนโยบายที่สำคัญๆ ต่อไป ซึ่งนอกจากจะผลักดันให้ไต้หวันยกระดับขึ้นเป็นประเทศสองภาษาแล้ว ยังมีแผนการจัดตั้งรายการโทรทัศน์ที่รายงานข่าวด้วยภาษาอังกฤษ เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรต่อชาวต่างชาติ ตลอดจนเสริมสร้างอุตสาหกรรมเชิงกลยุทธ์ 6 ด้าน ภายใต้พื้นฐานโครงการอุตสาหกรรมนวัตกรรม 5 + 2 ที่มีอยู่เดิม อันประกอบด้วย “อุตสาหกรรมเทคโนโลยีดิจิทัลและสารสนเทศ”, “อุตสาหกรรมความปลอดภัยของข้อมูลระดับสูง”, “อุตสาหกรรมเชิงกลยุทธ์ด้านเทคโนโลยีชีวภาพทางการแพทย์”, “อุตสาหกรรมกลาโหม”, “อุตสาหกรรมพลังงานทดแทนและพลังงานไฟฟ้าสีเขียว” และ “อุตสาหกรรมการผลิตเวชภัณฑ์ที่จำเป็นในยามวิกฤต”