MOFA วันที่ 26 ส.ค. 63
เมื่อวันที่ 26 ส.ค. นายอู๋เจาเซี่ย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) และ Mr. William Brent Christensen ผู้อำนวยการสถาบันอเมริกาในไต้หวัน สำนักงานไทเป (AIT- Taipei office) ได้ร่วมประกาศ “ปฏิญญาร่วมว่าด้วยความมั่นคงปลอดภัยทางเทคโนโลยี 5G” (Joint Declaration on 5G Security) โดยทั้งสองฝ่ายต่างให้คำมั่นว่าจะดำเนินการประยุกต์ใช้สัญญาณระบบ 5G เพื่อให้บริการด้านต่างๆ ภายใต้พื้นฐานของเสรีภาพ การแข่งขันกันอย่างยุติธรรม โปร่งใส และหลักนิติธรรม ขณะเดียวกัน ก็จะร่วมสอดส่องไม่ให้เกิดการบ่อนทำลายหรือถูกแทรกแซงในสัญญาณระบบ 5G ทั้งนี เพื่อสร้างหลักประกันด้านการคุ้มครองความเป็นส่วนตัว เสรีภาพส่วนบุคคล และการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในประเทศให้เกิดความยั่งยืนต่อไป
รมว.อู๋ฯ กล่าวขณะปราศรัยว่า “ความปลอดภัยทางไซเบอร์นับว่าเป็นความมั่นคงปลอดภัยของชาติ” โดยไต้หวันถือได้ว่าเป็นประเทศแนวหน้าที่ประสบความสำเร็จในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์มาเป็นระยะเวลายาวนาน เมื่อพิจารณาถึงความปลอดภัยในการติดตั้งระบบ 5G ทั่วประเทศ รัฐบาลไต้หวันได้ดำเนินการมาตรการป้องกันล่วงหน้า โดยได้กำจัดซอฟต์แวร์ อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ และการให้บริการที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นช่องโหว่ในอนาคต จึงอาจกล่าวได้ว่า ไต้หวันเป็นผู้บุกเบิกและต้นแบบด้านเทคโนโลยีสารสนเทศให้กับหลายประเทศในประชาคมโลก การเสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงปลอดภัยทางเทคโนโลยี 5G ระหว่างไต้หวัน – สหรัฐฯ ในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการขานรับแผนการ Prague Proposals ที่บัญญัติกฎระเบียบด้านความปลอดภัยทางเทคโนโลยี 5G ไว้อย่างชัดเจนแล้ว ยังเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่า มาตรการด้านการรักษาความปลอดภัยทางเทคโนโลยี 5G ของไต้หวันสอดคล้องกับมาตรฐานสากล โดยไต้หวันคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะร่วมสู้ไปพร้อมกับประเทศที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกัน ตลอดจนยึดมั่นในแถลงการณ์ของประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ที่ระบุว่า ทุกภาคส่วนต้องร่วมจัดตั้งระบบบริหารจัดการความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลสารสนเทศและห่วงโซ่อุตสาหกรรม ที่สามารถปกป้องประเทศชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ และให้เป็นที่เชื่อถือในประชาคมโลก
เนื่องด้วยไต้หวันและสหรัฐฯ เป็นประเทศที่ร่วมแบ่งปันค่านิยมสากลระหว่างกัน ประกอบด้วย ประชาธิปไตย เสรีภาพ และสิทธิมนุษยชน ตลอดระยะที่ผ่านมา ทั้งสองฝ่ายต่างเสริมสร้างความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนระหว่างกันอย่างใกล้ชิด ส่งผลให้ความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง การที่สหรัฐฯ ให้การยอมรับต่อมาตรการความปลอดภัยทางเทคโนโลยี 5G ของไต้หวันในครั้งนี้ พร้อมจัดให้ผู้ประกอบการสัญญาณเครือข่าย 5G ของไต้หวัน เข้าเป็นส่วนหนึ่งในบัญชีรายชื่อในโครงการ 5G Clean Path ตลอดจนร่วมกับรัฐบาลไต้หวันประกาศ “ปฏิญญาร่วมว่าด้วยความมั่นคงปลอดภัยทางเทคโนโลยี 5G” ต่างเป็นบทพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ความปลอดภัยทางเทคโนโลยี 5G ของไต้หวันสอดคล้องกันมาตรฐานระหว่างประเทศ โดยในอนาคต ไต้หวัน – สหรัฐฯ จะร่วมผลักดันความร่วมมือด้านความปลอดภัย 5G ภายใต้กรอบความร่วมมือและฝึกอบรมนานาชาติ (Global Cooperation and Training Framework, GCTF) เพื่อร่วมพัฒนามาตรฐาน แนวทาง และการนำไปใช้ในทางที่เหมาะสมต่อไป