MOFA วันที่ 29 ส.ค. 63
เมื่อวันที่ 29 ส.ค. นายอู๋เจาเซี่ย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ให้สัมภาษณ์แก่ Ms. Martha MacCallum พิธีกรรายการ “The Story with Martha MacCallum” ของสถานีโทรทัศน์ Fox News ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์อีกครั้ง ซึ่งรายการดังกล่าวออกอากาศเป็นประจำทุกวัน ในเวลา 19:00 น. ตามเวลาสหรัฐฯ โดยการสัมภาษณ์ครั้งนี้ พิธีกรและรมว.อู๋ฯ ได้ร่วมหารือกันในประเด็นต่างๆ ดังนี้ การข่มขู่ไต้หวันด้วยกำลังทางทหารของจีน การอนุมัติจำหน่ายอาวุธยุทโธปกรณ์ระหว่างไต้หวัน – สหรัฐฯ ความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างจีน – สหรัฐฯ และการที่ไต้หวันประกาศอนุญาตการนำเข้าเนื้อสุกรและเนื้อวัวจากสหรัฐฯ เป็นต้น โดยในระหว่างการสัมภาษณ์ พิธีกรได้อ้างอิงเนื้อหาที่ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) กล่าวชี้แจงในประเด็นการเรียกร้องให้จีนหยุดพฤติกรรมทำลายความสงบเรียบร้อยระหว่างประเทศ ณ สถาบันวิจัยนโยบายทางยุทธศาสตร์ออสเตรเลีย (ASPI) ซึ่งเป็นหน่วยงานคลังสมองของออสเตรเลีย เมื่อช่วงที่ผ่านมา รวมถึงบทความในทวิตเตอร์ของ Mr. Mike Pompeo รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา ที่ระบุอย่างชัดเจนว่า ไต้หวัน – สหรัฐฯ ได้ประสานความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการค้าในเชิงลึกระหว่างกัน
Ms. Martha พิธีกรรายการฯ เริ่มต้นด้วยการระบุถึงศูนย์ซ่อมบำรุงเครื่องบินรบ F-16 ที่ไต้หวันได้จัดตั้งขึ้น รวมถึงแผนการที่ไต้หวันจะจัดซื้อเครื่องบินรบใหม่ พร้อมถามถึงปฏิกริยาตอบสนองของจีนจากเหตุการณ์ดังกล่าว รมว.อู๋ฯ กล่าวว่า ไต้หวันจะมีฝูงเครื่องบินรบ F-16 ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชีย เพราะฉะนั้น การก่อตั้งศูนย์ซ่อมบำรุงฯ จะมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างหลักประกันแสนยานุภาพของเครื่องบินรบ โดยไต้หวันนอกจากจะมุ่งมั่นในการปกป้องความมั่นคงปลอดภัยในประเทศแล้ว ยังจะธำรงไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตย เนื่องจากไต้หวันเป็นประเทศแนวหน้าที่ต้องเผชิญหน้ากับการข่มขู่จากจีน จึงมีความมุ่งมั่นตั้งใจในการปกป้องประเทศของตนอย่างสุดกำลัง
สำหรับปฏิกริยาตอบสนองของจีน รมว.อู๋ฯ กล่าวว่า ตลอดระยะที่ผ่านมาที่สหรัฐอนุมัติการจำหน่ายยุทโธปกรณ์ให้กับไต้หวัน จีนมักจะเกิดความไม่พอใจ พร้อมแสดงการประท้วงอย่างรุนแรง แต่สำหรับไต้หวันแล้ว ไต้หวันจำเป็นต้องธำรงรักษาไว้ซึ่งอำนาจอธิปไตยและปกป้องความมั่นคงของประเทศชาติ ไม่ว่าจีนจะมีปฏิกริยาตอบสนองเช่นไร ไต้หวันจะยังคงเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านกลาโหมต่อไป การจัดตั้งศูนย์ซ่อมบำรุงเครื่องบินรบ F-16 นอกจากจะมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างสมรรถนะด้านการป้องกันทางอากาศของไต้หวันให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นแล้ว ยังเป็นการเสริมสร้างความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมกลาโหมระหว่างไต้หวัน – สหรัฐฯ ในเชิงลึกอีกด้วย
นอกจากนี้ พิธีกรยังได้ถามถึงสถานการณ์การค้าระหว่างจีน – สหรัฐฯ ที่มีความตึงเตรียด พร้อมอ้างอิงถึงก่อนหน้านี้ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐอเมริกาได้ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ Fox News โดยได้ระบุถึงการตัดขาดด้านการค้าระหว่างจีน – สหรัฐฯ ซึ่งพิธีกรได้ถามรมว.อู๋ฯ ว่าเคยคาดการณ์มาก่อนหรือไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์การตัดขาดความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างจีน – สหรัฐฯ นี้ขึ้น และอาจนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงใดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกบ้าง โดยรมว.อู๋ฯ ตอบว่า ความสัมพันธ์ทางการค้าจีน – สหรัฐฯ มีข้อพิพาทที่เกิดขึ้นหลายประการ นอกจากรูปแบบการค้าของจีนจะไม่ยุติธรรมต่อประเทศอื่นๆ ในประชาคมโลกแล้ว จีนยังใช้ประโยชน์จากประเทศที่เปิดตลาดการค้า โดยไม่เพียงแต่กระทำการใดๆ ที่เป็นการขโมยทรัพย์สินทางปัญญาเท่านั้น อีกทั้งยังได้วางกับดักทางการค้าไว้มากมาย เพื่อต่อกรกับประเทศอื่นๆ
รมว. อู๋ฯ ได้ยกตัวอย่างกรณีสภาพแวดล้อมแบบปิดกั้นข่าวสารภายในของรัฐบาลจีน พร้อมกล่าวว่า การร่วมธุรกิจอีคอมเมิร์ซกับจีนไม่ยุติธรรมต่อประเทศอื่นๆ ด้วยเหตุนี้ เราจึงต้องแน่ใจว่ารัฐบาลจีนได้ให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตามกฎระเบียบการค้าระหว่างประเทศและกิจกรรมทางเศรษฐกิจ การที่สหรัฐฯ เรียกร้องให้จีนปฏิบัติตามกฎระเบียบว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ซึ่งไต้หวันเองก็ได้ปฏิบัติตามกฎระเบียบการค้าระหว่างประเทศ ภายใต้พื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ โดยไต้หวันคาดหวังที่จะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นการค้ากับสหรัฐฯ ในเชิงลึกต่อไปในอนาคต