ช้ามไปยังส่วนข้อมูลหลัก
รมว.ต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) แสดงปาฐกถาในการประชุมประจำปี 2020 ของ GTI ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์
2020-09-16
New Southbound Policy。นายอู๋เจาเซี่ย รมว.ต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) แสดงปาฐกถาในการประชุมประจำปี 2020 ของ GTI ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ (ภาพจาก MOFA)
นายอู๋เจาเซี่ย รมว.ต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) แสดงปาฐกถาในการประชุมประจำปี 2020 ของ GTI ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ (ภาพจาก MOFA)

สาระสำคัญของเนื้อข่าว :

♦ รมว.ต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) เน้นย้ำว่าหากต้องการให้ประชาธิปไตยคงอยู่สืบไป ไต้หวันจำเป็นต้องได้รับชัยชนะ พร้อมเรียกร้องให้ประเทศประชาธิปไตยทั่วโลกประสานความร่วมมือในการปกป้องค่านิยมสากลที่มีร่วมกัน

 

♦ ไต้หวันยืนอยู่แนวหน้าในการธำรงรักษาประชาธิปไตยมาเป็นระยะเวลายาวนาน ความท้าทายที่ไต้หวันต้องเผชิญหน้า มีส่วนเกี่ยวพันโดยตรงกับการคงอยู่ของระบอบประชาธิปไตยอย่างยั่งยืน

 

♦ ไต้หวันซึ่งเป็นอาณาจักรแห่งเทคโนโลยีทันสมัย ในอนาคตจะมีบทบาทที่สำคัญในการปรับโครงสร้างห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก
-------------------------------------------


MOFA วันที่ 15 ก.ย. 63

 

เมื่อช่วงเช้าเวลาของวันที่ 15 ก.ย. ตามเวลาตะวันออกของสหรัฐฯ นายอู๋เจาเซี่ย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้แสดงปาฐกถาภายใต้หัวข้อพิเศษในการประชุมประจำปีของ “สถาบันวิจัยไต้หวันระดับโลก" (Global Taiwan Institute, GTI) คลังสมองของทางการวอชิงตัน ผ่านการบันทึกคลิปวิดีโอล่วงหน้า โดยรมว. อู๋ฯ เน้นย้ำว่าหากต้องการให้ประชาธิปไตยคงอยู่สืบไป ไต้หวันจำเป็นต้องได้รับชัยชนะ พร้อมเรียกร้องให้ประเทศประชาธิปไตยทั่วโลกประสานความร่วมมือในการปกป้องค่านิยมสากลที่มีร่วมกัน เชื่อว่าเสรีภาพจะนำมาซึ่งชัยชนะอย่างแน่นอน

 

รมว.อู๋ฯ กล่าวขณะแสดงปาฐกถาว่า ในระหว่างการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19) ในครั้งนี้ ไต้หวันบังเกิดผลสัมฤทธิ์ที่โดดเด่นหลายประการ ซึ่งเป็นบทพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ประเทศประชาธิปไตยมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคระบาดที่ดีกว่าระบอบเผด็จการ นอกจากนี้ สถานการณ์โรคโควิด – 19 ยังได้เน้นย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของการรักษาความปลอดภัยของห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก ไต้หวันซึ่งเป็นอาณาจักรแห่งเทคโนโลยีทันสมัย ในอนาคตจะมีบทบาทที่สำคัญในการปรับโครงสร้างห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก นอกจากนี้ ในช่วงที่ผ่านมา รัฐบาลไต้หวันยังได้ประกาศผ่อนปรนข้อจำกัดการนำเข้าเนื้อวัวและเนื้อสุกรจากสหรัฐฯ นับเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของความร่วมมือด้านเศรษฐกิจแบบครบวงจรระหว่างไต้หวัน – สหรัฐฯ โดยคาดหวังว่าจะเป็นการเปิดหนทางสู่การเจรจาและร่วมลงนามในความตกลงการค้าแบบทวิภาคี (Bilateral Trade Agreement ,BTA) ระหว่างไต้หวัน – สหรัฐฯ ในภายภาคหน้าต่อไป

 

นอกจากนี้ รมว.อู๋ฯ ยังได้ชี้แจงว่า ไต้หวันยืนอยู่แนวหน้าในการธำรงรักษาประชาธิปไตยมาเป็นระยะเวลายาวนาน ความท้าทายที่ไต้หวันต้องเผชิญหน้ามีส่วนเกี่ยวพันโดยตรงกับการคงอยู่ของระบอบประชาธิปไตยอย่างยั่งยืน ด้วยเหตุนี้ ประเทศประชาธิปไตยทั่วโลกต้องประสานความร่วมมือกันในการรักษาค่านิยมสากลให้คงอยู่สืบไป เชื่อมั่นว่าเสรีภาพจะได้รับชัยชนะในที่สุด

 

GTI เป็นคลังสมองแห่งแรกของกรุงวอชิงตันที่มุ่งมั่นวิจัยในด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับไต้หวันเป็นหลัก ก่อตั้งมานับตั้งแต่เดือนกันยายน ปี 2016 ตราบจนปัจจุบันได้ดำเนินการวิจัยมาเป็นเวลา 4 ปีแล้ว โดยหัวข้อการประชุมของ GTI ประจำปีนี้ได้แก่ “ความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ : สร้างรากฐานความสัมพันธ์แบบหุ้นส่วนระดับโลก” ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 15 – 16 ก.ย. โดยในระหว่างการประชุม ทุกภาคส่วนต่างร่วมหารือกันในประเด็นต่างๆ อย่างขมักเขม้น อาทิ ความร่วมมือระดับโลก ความสัมพันธ์ระหว่างสองฝั่งช่องแคบไต้หวัน เศรษฐกิจและการค้า รวมถึงความมั่นคงปลอดภัย เป็นต้น ซึ่งผู้บรรยายกิตติมศักดิ์ในครั้งนี้ นอกจากรมว.อู๋ฯ แล้ว ก็ยังมี Mr. Mike Gallagher (R-WI) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแห่งสหรัฐฯ Mr. David Helvey รักษาการรองผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของสหรัฐอเมริกา ฝ่ายกิจการรักษาความปลอดภัยในภูมิภาคอินโด - แปซิฟิก และ Mr. Brent Christensen ผู้อำนวยการสถาบันอเมริกาในไต้หวัน สำนักงานไทเป (AIT- Taipei office)

 

คลิกเพื่อรับชมภาพบรรยากาศการแสดงปาฐกถาของรมว.ต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ที่ https://youtu.be/qmdpkmgC-PA