สาระสำคัญของเนื้อข่าว :
♦ รัฐบาลไต้หวันได้เซ็นสัญญาจัดซื้อวัคซีนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะเริ่มมีการส่งมอบวัคซีนในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ เมื่อถึงเวลานั้นจะเริ่มฉีดให้แก่ผู้ที่มีความต้องการมากที่สุดก่อน
♦ นอกจากนี้ รัฐบาลไต้หวันยังยังจะมีการจัดซื้อวัคซีนจากหลายแหล่งในต่างประเทศ ร่วมกับการวิจัยและพัฒนาภายในประเทศ เพื่อรับประกันว่าไต้หวันจะมีวัคซีนไว้ใช้งานอย่างเพียงพอ
♦ ปัจจุบันการวิจัยและพัฒนาวัคซีนภายในประเทศของบริษัทไต้หวัน 2 แห่ง ได้เข้าสู่ขั้นตอนของการทดลองระยะที่ 2 แล้ว
-------------------------------------------
ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 18 ก.พ.64
เมื่อช่วงเช้าวันที่ 18 ก.พ. ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีไช่อิงเหวินแห่งสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้พบปะกับตัวแทนทีมงานที่ได้รับ “รางวัลคุณภาพแห่งชาติด้านเทคโนโลยีชีวภาพและการรักษาทางการแพทย์ (National Biotechnology and Medical Care Quality Award)” และ “รางวัลพิเศษสำหรับนักรบที่ต่อสู้กับโรคระบาด” เพื่อเป็นการเชิดชูเกียรติเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ ที่ร่วมแรงร่วมใจกันทำหน้าที่ในการป้องกันโรคระบาด และปกป้องสุขภาพของประชาชน พร้อมกันนี้ยังเปิดเผยว่ารัฐบาลจะใช้วิธีจัดซื้อวัคซีนจากหลายแหล่งในต่างประเทศ ร่วมกับการวิจัยและพัฒนาภายในประเทศ เพื่อรับประกันว่าไต้หวันจะมีวัคซีนไว้ใช้งานอย่างเพียงพอ
ปธน.กล่าวขณะปราศรัยว่า อันดับแรกขอแสดงความยินดีกับเหล่าตัวแทน ที่ได้รับรางวัลคุณภาพแห่งชาติด้านเทคโนโลยีชีวภาพและการรักษาทางการแพทย์ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น “รางวัลออสการ์แห่งวงการแพทย์” โดยทีมรักษาโรคแฟเบร (Fabry Disease) ของโรงพยาบาลทหารผ่านศึกไทเป (Taipei Veterans General Hospital) ซึ่งได้รับรางวัลเหรียญทองนั้น ได้สร้างคุณูปการให้แก่ทารกแรกเกิดและผู้ปกครองทั่วโลก ด้วยการจัดตั้งศูนย์การรักษาพยาบาล และคลังข้อมูลตัวอย่างของโรคแฟเบรที่เป็นโรคหายากและถ่ายทอดทางพันธุกรรม ตลอดจนได้ค้นคว้าวิจัยและพัฒนาเทคนิคการตรวจคัดกรองโรคดังกล่าวนี้ด้วย
ปธน.ยังระบุว่า ในช่วงการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เมื่อปีที่แล้ว จากการที่บรรดาเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ทุกคน ล้วนทุ่มเทให้กับภารกิจการปกป้องสุขภาพของประชาชน ทำให้ไต้หวันประสบความสำเร็จในด้านการป้องกันโรคระบาด จนเป็นที่ยอมรับและได้รับการชื่นชมจากทั่วโลก ดังนั้นในครั้งนี้จึงได้เพิ่มรางวัลพิเศษสำหรับเหล่านักรบโควิด และรางวัลนักรบโควิดที่สร้างผลงานดีเด่น เพื่อเป็นการเชิดชูเกียรติวีรบุรุษที่ปฏิบัติภารกิจในการป้องกันโรคระบาดอย่างแข็งขัน
สำหรับสถานการณ์การจัดสรรวัคซีนโควิด-19 นั้น ปธน.กล่าวว่า รัฐบาลได้เซ็นสัญญาจัดซื้อวัคซีนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะเริ่มมีการส่งมอบวัคซีนในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ เมื่อถึงเวลานั้นจะเริ่มฉีดให้แก่ผู้ที่มีความต้องการมากที่สุดก่อน ซึ่งรวมถึงเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ที่เป็นผู้ปฏิบัติงานในแนวหน้า นอกจากนี้ยังจะมีการจัดซื้อวัคซีนจากหลายแหล่งในต่างประเทศ และเรายังหวังว่าจะพยายามวิจัยและพัฒนาภายในประเทศต่อไป โดยปัจจุบันการวิจัยและพัฒนาวัคซีนภายในประเทศของบริษัทไต้หวัน 2 แห่งได้เข้าสู่ขั้นตอนของการทดลองระยะที่ 2 แล้ว เชื่อมั่นว่าการใช้สองวิธีดังกล่าวนี้ควบคู่กันไป จะทำให้เราสามารถรับประกันได้ว่า ไต้หวันจะมีวัคซีนไว้ใช้งานอย่างเพียงพอ
ปธน.ยังเปิดเผยอีกว่า ในอนาคตรัฐบาลจะพยายามประสานความร่วมมือกับผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้อุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพของไต้หวันก้าวไปสู่การมีบทบาทสำคัญในเวทีนานาชาติ อันจะเป็นการสร้างโอกาสทางธุรกิจให้แก่ไต้หวันได้มากยิ่งขึ้น