สภาบริหาร วันที่ 6 มิ.ย. 64
เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. ที่ผ่านมา สำนักงานเจรจาเศรษฐกิจและการค้า สภาบริหาร สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) แถลงว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 5 มิ.ย. ตามเวลาในกรุงไทเป ได้ร่วมหารือกับเหล่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และอีก 21 ประเทศในภูมิภาคเอเชีย - แปซิฟิก ในการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปค (APEC Ministers Responsible for Trade, MRT) ภายใต้ประเด็นว่าด้วยการรักษาเสรีภาพและการเปิดกว้างทางการค้าและการลงทุนภายใต้สถานการณ์โรคโควิด – 19 และแนวทางการผนึกกำลังของกลุ่มประเทศสมาชิก APEC ในการสนับสนุนให้องค์การการค้าโลก (WTO) กลับมาดำเนินการตามปกติ
สนง. เจรจาเศรษฐกิจและการค้า ระบุว่า นายเติ้งเจิ้นจง รัฐมนตรีประจำสภาบริหาร สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ทำหน้าที่เป็นตัวแทนของไต้หวันเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปคในครั้งนี้ โดยหลายประเทศต่างเรียกร้องให้ทั้ง WTO และ APEC และเวทีการอภิปรายที่เกี่ยวข้อง ต้องคำนึงถึงความต้องการของทุกภาคส่วนของสังคม ในปัจจุบัน หลายประเทศยังคงมุ่งมั่นรักษาความคล่องตัวในการหมุนเวียนเวชภัณฑ์ที่จำเป็น โดยเฉพาะสินค้าประเภทวัคซีน พร้อมทั้งเร่งขยายสายการผลิตวัคซีน เพื่อหลีกเลี่ยงการขาดตอนของห่วงโซ่อุปทาน โดยกลุ่มประเทศดังกล่าว ประกอบด้วย ไต้หวัน นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และแคนาดา
ตราบจนปัจจุบัน โรคระบาดได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตในมิติต่างๆ ของผู้คนในสังคม สถานการณ์เช่นนี้เป็นปัจจัยที่กระตุ้นให้ประชาชนหันมาประยุกต์ใช้อุปกรณ์ดิจิทัล เพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรง ซึ่งแต่ละประเทศจึงควรที่จะนำเอาเทคโนโลยีดิจิทัลเหล่านี้มาประยุกต์ใช้งานให้มากที่สุด เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ทุกชนชั้นในสังคมและกลุ่มที่ถูกละเลยในช่วงก่อนหน้านี้ อาทิ ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) กลุ่มแรงงาน กลุ่มสตรี ประชาชนในพื้นที่ชนบท และกลุ่มชนพื้นเมือง นอกจากนี้ WTO ก็ควรที่จะคิดหาแนวทางเพื่อสนองความต้องการของสถานการณ์โลก ภายใต้บริบทแห่งการแพร่ระบาดของโรคโควิด - 19 รวมถึงการร่วมหารือในประเด็นความคล่องตัวในการหมุนเวียนเวชภัณฑ์ที่จำเป็น และสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาด้านวัคซีน ส่งผลให้การประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปค ครั้งที่ 12 นี้ บังเกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม
สนง. เจรจาเศรษฐกิจและการค้า แถลงว่า นิวซีแลนด์ ซึ่งเป็นประเทศเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปคในครั้งนี้ ยังได้เปิดโอกาสให้บรรดารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และตัวแทนผู้ประกอบการของแต่ละประเทศ แบ่งกลุ่มอภิปรายในประเด็นที่เกี่ยวข้อง อาทิ การฟื้นฟูเศรษฐกิจในยุคหลังโควิด – 19 การบูรณาการทางเศรษฐกิจในภูมิภาค ในระหว่างการร่วมหารือแบบแบ่งกลุ่มระหว่างรมว.พาณิชย์และตัวแทนผู้ประกอบการ รมว.เติ้งฯ เน้นย้ำว่า สถานการณ์โควิด – 19 ได้ส่งผลกระทบต่อรูปแบบการบริหารของสังคมในปัจจุบันและอนาคต โดยนอกจากรมว.เติ้งฯ จะเรียกร้องให้มีการเปิดเสรีทางการค้า และส่งเสริมให้เกิดสภาพคล่องในการหมุนเวียนเวชภัณฑ์ป้องกันโรคระบาดอย่างวัคซีนอย่างไม่มีข้อจำกัดแล้ว ในอนาคต ยังต้องประยุกต์ใช้เทคโนโลยีใหม่และอุปกรณ์ดิจิทัล ในการเร่งให้เกิดการพัฒนาธุรกิจอี-คอมเมิรซ์ พร้อมทั้งเสริมสร้างระบบการจัดการข้อมูลที่เกี่ยวข้องควบคู่ไปด้วย