กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 18 มิ.ย. 64
เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. คณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรป ได้เผยแพร่จดหมายข่าว เพื่อแนะนำให้กลุ่มประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (EU) และประเทศในกลุ่มเชงเก้น กำหนดให้ 8 ประเทศและเขตพื้นที่ ซึ่งรวมถึงไต้หวัน เข้าสู่รายชื่อประเทศปลอดภัย กลุ่มที่ 3 ที่ประชาชนสามารถเดินทางเข้าสู่เขตแดนในกลุ่มประเทศ EU และประเทศในกลุ่มเชงเก้น ได้ แม้จะเป็นการเดินทางที่ไม่มีความจำเป็น (non-essential travel) กระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) รู้สึกยินดีและขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง
เกณฑ์ที่ EU ใช้ในการประเมิน “รายชื่อประเทศปลอดภัย กลุ่มที่ 3” ประกอบด้วย ภายใน 14 วันยอดผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อโควิด – 19 ต่อจำนวนประชากร 1 แสนคน ต้องต่ำกว่า 75 ราย และภายในเวลา 7 วัน อัตราผู้ที่เข้ารับการตรวจคัดกรองที่มีผลเป็นบวกต้องต่ำกว่า 4% รวมถึงศักยภาพของประเทศในการรับมือกับโรคระบาด ความเชื่อถือได้ของข้อมูลและรายงานสถิติ โดยรายชื่อประเทศในกลุ่มดังกล่าวจะได้รับการพิจารณาและทำการประเมินใหม่ในทุก 2 สัปดาห์
นับตั้งแต่ต้นปี 2020 ที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ไปทั่วโลก EU ได้ทำการปิดกั้นไม่ให้กลุ่มประเทศภายนอก เดินทางเข้าสู่เขตแดนในกลุ่มประเทศ EU และประเทศในกลุ่มเชงเก้น ตั้งแต่วันที่ 17 มี.ค. เป็นต้นมา โดยอนุญาตให้เพียงประชาชนที่พำนักอาศัยในกลุ่มประเทศ “รายชื่อประเทศปลอดภัย กลุมที่ 3” เดินทางเข้าสู่กลุ่มประเทศข้างต้น แม้จะเป็นการเดินทางที่ไม่มีความจำเป็น (non-essential travel) ได้ โดยจากการประเมินในครั้งล่าสุดนี้ คณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรปได้คัดเลือกให้ประเทศในภูมิภาคเอเชีย ที่ประกอบด้วย ไต้หวัน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ และไทย ได้รับโอกาสในการถูกกำหนดเข้าสู่รายชื่อประเทศที่ปลอดภัย ซึ่งนอกจากจะเป็นการแสดงให้เห็นว่า EU มีความเชื่อมั่นต่อความสามารถในการรับมือกับโรคระบาดของรัฐบาลไต้หวันแล้ว ยังเป็นการให้การยอมรับต่อความสำเร็จในด้านการป้องกันโรคระบาดมาเป็นเวลายาวนานของไต้หวันด้วย
ตามกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องของ EU มาตรการตรวจคัดกรองและมาตรการควบคุมการเข้า - ออกประเทศตามแนวชายแดน เป็นสิทธิโดยชอบธรรมของกลุ่มประเทศสมาชิกแต่ละประเทศ คำแนะนำของคณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรปในการกำหนดให้รายชื่อประเทศกลุ่มเป้าหมาย ถูกระบุลงใน “รายชื่อประเทศปลอดภัย กลุ่มที่ 3” เป็นเพียงแค่คำแนะนำเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ กต.ไต้หวันจึงเรียกร้องให้ประชาชนที่มีความประสงค์จะเดินทางไปยังกลุ่มประเทศ EU และประเทศในกลุ่มเชงเก้น ควรที่จะทำความเข้าใจกับมาตรการที่เกี่ยวข้องด้านการป้องกันโรคระบาดของแต่ละประเทศเสียก่อน เพื่อให้การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่นต่อไป