ทบวงอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม วันที่ 1 ก.ค. 64
ทบวงอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมประกาศจัดตั้ง “สำนักงานทรัพยากรหมุนเวียน”และ “สำนักงานการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ”อย่างเป็นทางการ นับตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. เป็นต้นไป โดย 2 หน่วยงานดังกล่าวมีหน้าที่ดำเนินการพิจารณาทบทวนกฎระเบียบด้านนโยบาย และการบูรณาการทรัพยากร เพื่อผลักดันมาตรการการหมุนเวียนทรัพยากรและการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ทั้งนี้ เพื่อผลักดันให้ไต้หวันในอนาคตสามารถก้าวเข้าสู่เวทีนานาชาติด้วยภาพลักษณ์แห่งการพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไป
สำนักงานทรัพยากรหมุนเวียน ยึดมั่นในเป้าหมายว่าด้วย “ความมุ่งมั่นในการจัดสรรทรัพยากรหมุนเวียนให้เกิดประโยชน์สูงสุด พร้อมลดการกำจัดขยะมูลฝอย”เพื่อก้าวเข้าสู่การหมุนเวียนทางทรัพยากรอย่างเต็มรูปแบบ และเพื่อบรรลุวิสัยทัศน์ของไต้หวัน ว่าด้วยการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด พร้อมลดการกำจัดขยะมูลฝอย อนึ่ง สำนักงานการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ได้ยึดมั่นในหลักการ “นำแนวคิดระดับสากล มาปฏิบัติในพื้นที่” เพื่อบรรลุ “เป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์” และร่วมแก้ไขปัญหาด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไปพร้อมกับประชาคมโลก
ทบวงอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม แถลงว่า สนง.ทรัพยากรหมุนเวียนได้ทำลายกรอบโครงสร้างการแบ่งงานตามหลักกฎหมาย ในการรวบรวมและวิเคราะห์นโยบายและทรัพยากร โดยเสริมสร้างระบบการจัดการบริหารทรัพยากรหมุนเวียนผ่านการจัดตั้งกฎระเบียบ พร้อมทั้งบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการช่วยผลักดัน ใช้ประโยชน์จากทรัพยากรหมุนเวียนให้เกิดประโยชน์สูงสุด และนำวัสดุหมุนเวียนไปใช้อย่างเหมาะสม เพื่อบรรลุเป้าหมายในการลดความสิ้นเปลืองการผลิตและนำทรัพยากรมาหมุนเวียน
ทบวงอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ชี้แจงว่า ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ประกาศในวันคุ้มครองโลกที่ตรงกับวันที่ 22 เมษายนในปีนี้ว่า “เป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ของทั่วโลก ภายในปี 2050 ก็นับเป็นเป้าหมายของไต้หวันด้วยเช่นกัน” โดยในวันเดียวกันนั้น นายซูเจินชาง นายกรัฐมนตรี สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้สั่งการให้หน่วยงานรัฐบาลเร่งพิจารณาและทบทวน “เป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและกฎหมายการควบคุมบริหารการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก” ควบคู่ไปด้วย
ทบวงอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ระบุว่า การจัดตั้งสำนักงานการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นอกจากจะเป็นการขานรับต่อความคาดหวังของทั่วโลกในการบรรเทาการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศแล้ว ยังเป็นการบรรลุภารกิจการลดก๊าซเรือนกระจกที่ได้รับมอบหมายจากปธน.ไช่ฯ และนรม.ซูฯ อีกด้วย โดยหลังจากที่สนง.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศถูกจัดตั้งขึ้น ภารกิจแรกที่ต้องรีบแก้ไขอย่างเร่งด่วน คือเร่งดำเนินการแก้ไขกฎหมาย “การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและกฎหมายการควบคุมบริหารการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก” นอกจากนี้ อัตราภาษีคาร์บอน ซึ่งเป็นประเด็นที่ได้รับความสำคัญ ก็ได้ถูกกำหนดเข้าไว้ในรวมเข้ากับร่างกฎหมายแก้ไขด้วย โดยทบวงอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมจะพิจารณาจัดการประชุมภายใต้แผนปฏิบัติการแนวทางการปรับตัวและรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยประสานความร่วมมือแบบข้ามหน่วยงาน ในระยะเวลา 5 ปี นับตั้งแต่ปี 2023 – 2027 ต่อไป
สำนักงานการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ได้จัดตั้งหน่วยงานย่อยรวม 4 แผนก ได้แก่ “การร่างนโยบาย” “การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก”“แผนปฏิบัติการลดก๊าซเรือนกระจก”และ “การปรับตัวและรับมือตามการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” โดยหน่วยงานข้างต้นมีหน้าที่ในการดำเนินการแก้ไขกฎหมายการควบคุมบริหารการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ร่างแนวทางในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ จัดตั้งกลไกอัตราภาษีคาร์บอน ส่งเสริมและพัฒนาการลดปริมาณการผลิตในภาคอุตสาหกรรมและปรับปรุงระบบการเปิดเผยข้อมูล เป็นต้น