กระทรวงสาธารณสุข วันที่ 15 ก.ค. 64
จนถึงวันที่ 13 ก.ค. ที่ผ่านมา “สมุดบันทึกสุขภาพ” ที่วิจัยและพัฒนาโดยสำนักงานประกันสุขภาพแห่งชาติของไต้หวัน (NHI) กระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) มีประชาชนร่วมลงทะเบียนเข้าใช้งานแล้วกว่า 6 ล้านคน
เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ในไต้หวันเข้าสู่ภาวะตึงเครียดอยู่ระยะหนึ่ง ทาง NHI จึงได้เพิ่มทางเลือกในการใช้สมุดบันทึกสุขภาพให้ได้ประโยชน์มากขึ้น โดยในวันที่ 6 พ.ค. ได้เปิดให้ประชาชนสามารถตรวจเช็คผลการตรวจคัดกรองด้วยชุดทดสอบ Rapid Test และผลการตรวจคัดกรองแบบ PCR เพื่อลดภาระด้านการดำเนินงานให้กับหน่วยงานสาธารณสุขประจำท้องถิ่น นอกจากนี้ ข้อมูลการรับวัคซีนป้องกันโควิด - 19 ที่กรมควบคุมโรคได้ทำการรวบรวมไว้ ก็จะถูกบันทึกลงใน "ข้อมูลการรับวัคซีนป้องกันโรค" ในสมุดบันทึกสุขภาพด้วย และเมื่อวันที่ 9 ก.ค. ข้อมูลทั้ง 2 ชุดข้างต้นได้รับการบูรณาการเข้าไว้ด้วยกัน ภายใต้หมวด "การเข้ารับวัคซีนโควิด - 19 และผลการตรวจสอบเชื้อไวรัสโควิด - 19" นอกจากนี้ นับตั้งแต่วันที่ 6 ก.ค. เป็นต้นไป ประชาชนสามารถลงทะเบียนขอรับและสั่งจองวัคซีนได้ ผ่านแอป “สมุดบันทึกสุขภาพของ NHI” ซึ่งเป็นการตอบสนองต่อ "ระบบการสั่งจองวัคซีนป้องกันโควิด -19 ที่ออกค่าใช้จ่ายโดยรัฐบาล" ที่วิจัยและพัฒนาโดยออเดรย์ ถัง รัฐมนตรีประจำสภาบริหารของไต้หวัน และนับจนถึงปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา มีประชาชนให้ความร่วมมือในการดาวน์โหลดแอปข้างต้นแล้วกว่า 11.43 ล้านครั้ง ส่วนผู้ที่ลงทะเบียนใช้สมุดบันทึกสุขภาพ ก็พุ่งทะลุ 6 ล้านคนในวันที่ 13 ก.ค. ที่ผ่านมา
นายหลี่ปั๋วจาง ผู้อำนวยการ NHI กล่าวว่า นับตั้งแต่ปี 2014 ที่สมุดบันทึกสุขภาพเปิดตัวในรูปแบบออนไลน์เป็นต้นมา ก็ได้มีการพัฒนาฟังกชันการใช้งานให้ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะนับตั้งแต่เดือนพฤกษาคม ปี 2018 ที่ได้เพิ่มให้มีการป้อนรหัสยืนยันผ่านโทรศัพท์มือถือในสัญญาณเครือข่าย 5 บริษัท เพื่ออำนวยความสะดวกในการยืนยันตนผ่านช่องทางอินเทอร์เน็ต นอกจากนี้ เพื่อรับมือกับความต้องการด้านการสกัดกั้นโรคโควิด - 19 นับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2020 เป็นต้นมา NHI ได้ตอบสนองต่อมาตรการการจัดซื้อหน้ากากอนามัยแบบยืนยันตน 2.0 ของศูนย์บัญชาการกลางป้องกันโรคระบาด (CECC) ของไต้หวัน โดยเปิดให้ประชาชนสามารถสั่งจองหน้ากากอนามัยได้อย่างสะดวกและมีความเท่าเทียมผ่านแอปตัวนี้ จึงทำให้ภายในระยะเวลาสองเดือน สามารถดึงดูดให้ประชาชนจำนวนกว่า 3 ล้านคนร่วมลงทะเบียนใช้งาน ซึ่งนอกจากจะเป็นตัวช่วยเสริมของเทคโนโลยีด้านการป้องกันโรคระบาดแล้ว ประชาชนยังสามารถติดตามข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพของตนเอง อาทิ การเข้าพบแพทย์ การใช้ยา และการตรวจคัดกรอง ผ่านแอปนี้ได้ อีกทั้งยังสามารถติดตามข้อมูลสุขภาพของสมาชิกในครอบครัว เช่น ผู้สูงวัยและเด็กได้อย่างใกล้ชิดอีกด้วย
ในอนาคต NHI จะประยุกต์ใช้ข้อมูลบิ๊กดาต้าของสำนักงานประกันสุขภาพและเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์ ในการพัฒนารูปแบบการให้บริการด้านสุขภาพที่มีความสะดวกและมีคุณภาพ พร้อมทั้งจัดสรรทรัพยากรด้านการแพทย์อย่างเหมาะสม เพื่อให้หลักประกันด้านสุขภาพได้รับการพัฒนาต่อไปอย่างยั่งยืน