กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 28 ก.ค. 64
เมื่อวันที่ 22 ก.ค. ที่ผ่านมา นายอู๋เจาเซี่ย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ให้สัมภาษณ์แก่ Mr. Antonio Saraiva Lima ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์พับลิโก (Público) ของโปรตุเกส ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ โดยได้ชี้แจงถึงประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ การคุกคามไต้หวันของรัฐบาลจีน ประสบการณ์ด้านการป้องกันโรคระบาด ความคืบหน้าของความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ และการจัดตั้งสำนักงานตัวแทนไต้หวันในสาธารณรัฐลิทัวเนีย เป็นต้น โดยเนื้อหาการสัมภาษณ์ได้รับการตีพิมพ์และเผยแพร่ในวันที่ 28 ก.ค. 2564
ต่อกรณีที่ไต้หวันและลิทัวเนียตัดสินใจจัดตั้งสำนักงานตัวแทนรัฐบาลของแต่ละฝ่ายขึ้นในดินแดนระหว่างกัน รมว.อู๋ฯ กล่าวว่า ในปี 2020 ไต้หวันได้บริจาคหน้ากากอนามัยเพื่อช่วยเหลือด้านการสกัดกั้นโรคระบาดให้แก่ลิทัวเนีย ส่วนในปี 2021 ลิทัวเนียได้บริจาควัคซีนจำนวน 20,000 โดสให้กับไต้หวัน แสดงให้เห็นถึงวงจรพลังแห่งความดีที่หมุนเวียนในกลุ่มประเทศประชาธิปไตย ไต้หวันและลิทัวเนียเป็นประเทศที่ตั้งอยู่แนวหน้าในการธำรงรักษาประชาธิปไตยและเสรีภาพ โดยทั้งสองประเทศจะประสานความร่วมมือกันต่อไป เพื่อสร้างคุณประโยชน์ด้านสันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองให้เกิดแก่ทั่วโลกสืบต่อไป โดยไต้หวัน – ลิทัวเนียต่างคาดหวังที่จะเสริมสร้างความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนด้านเศรษฐกิจการค้าและเทคโนโลยี เพื่อสรรค์สร้างความสัมพันธ์ระยะยาวที่เปี่ยมด้วยความไว้วางใจและเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน
รมว.อู๋ฯ ชี้แจงในระหว่างการสัมภาษณ์ว่า ในปีนี้มีสมาชิกรัฐสภาและเจ้าหน้าที่ภาครัฐระดับสูงรวม 3,000 คนจาก 100 กว่าประเทศ รวมถึงโปรตุเกส ร่วมเป็นกระบอกเสียงให้ไต้หวัน เพื่อสนับสนุนให้ไต้หวันได้รับสิทธิเข้าร่วมใน “การประชุมสมัชชาอนามัยโลก(WHA)” โดยทั้งไต้หวันและโปรตุเกสถือเป็นประเทศที่ยึดมั่นในค่านิยมสากลด้านเสรีภาพ ประชาธิปไตย และสิทธิมนุษยชน จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า รัฐบาลโปรตุเกสจะร่วมให้การสนับสนุนไต้หวันเข้าร่วมองค์การระหว่างประเทศต่อไป
ในด้านความสัมพันธ์ไต้หวัน - สหรัฐฯ รมว.อู๋ฯ แถลงว่า นับตั้งแต่รัฐบาลโจ ไบเดน ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นต้นมา ก็ได้ให้การสนับสนุนไต้หวันอย่างเป็นรูปธรรมอย่างหนักแน่น โดยในช่วงที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐฯ ได้บริจาควัคซีนจำนวน 2.5 ล้านโดสให้กับไต้หวัน เพื่อช่วยเหลือด้านการสกัดกั้นโรคระบาด นอกจากนี้ Mr. Antony Blinken รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ และเจ้าหน้าที่ภาครัฐระดับสูงของสหรัฐฯ ก็ได้ยืนยันในการรักษาคำมั่นที่ให้ไว้กับไต้หวันใน “กฎหมายความสัมพันธ์ไต้หวัน” และ “หลักประกัน 6 ประการ”
รมว.อู๋ฯ เน้นย้ำว่า รัฐบาลไต้หวันยึดมั่นในจุดยืน “สันติภาพ ความเท่าเทียม ประชาธิปไตย และการเจรจา” ในการแก้ไขปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างสองฝั่งช่องแคบไต้หวัน โดยรัฐบาลไต้หวันยินดีที่จะเปิดการเจรจาระหว่างสองฝั่งช่องแคบไต้หวันอย่างเป็นรูปธรรมบนพื้นฐานแห่งความเท่าเทียม โดยการประชุมระดับนานาชาติที่จัดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ประชาคมโลกต่างเน้นย้ำถึงความสำคัญในการรักษาสันติภาพและเสถียรภาพระหว่างสองฝั่งช่องแคบไต้หวัน อย่างเช่น การรวมกลุ่มเจรจาด้านความมั่นคงปลอดภัยระหว่างภาคี 4 ประเทศ (QUAD) การประชุมสุดยอดผู้นำระหว่างสหรัฐฯ – ญี่ปุ่น สหรัฐฯ – เกาหลีใต้ และการประชุมสุดยอดผู้นำ EU – ญี่ปุ่น รวมถึงการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของกลุ่มประเทศ G7 และ การประชุมระหว่างรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงกลาโหมระหว่างญี่ปุ่น – ออสเตรเลีย เป็นต้น
ต่อกรณีที่จีนคุกคามไต้หวันด้วยกำลังทหารบ่อยครั้งในช่วงที่ผ่านมานั้น ไต้หวันจะเร่งเสริมสร้างแสนยานุภาพในการป้องกันประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจในการปกป้องประเทศ พร้อมเสริมสร้างความร่วมมือกับประเทศที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกันต่อไป