กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 2 ส.ค. 64
เมื่อวันที่ 28 ก.ค. ที่ผ่านมา นายอู๋เจาเซี่ย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ให้สัมภาษณ์แก่ Mr. Abdulaziz Mohammed Al-Anjeri ผู้ก่อตั้งและประธานคณะกรรมการบริหารของสถาบันวิจัย Reconnaissance Research ซึ่งเป็นคลังสมองของคูเวต ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ โดยได้ชี้แจงในประเด็นที่เกี่ยวข้อง อาทิ การคุกคามด้านความมั่นคงปลอดภัยของจีน ความคืบหน้าของความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ และโอกาสในการขยายความร่วมมือระหว่างไต้หวันกับประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยเนื้อหาการสัมภาษณ์ได้รับการตีพิมพ์และเผยแพร่ลงในหนังสือพิมพ์ Arab Times ฉบับภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นสื่อในรัฐคูเวต และทวิตเตอร์ของคลังสมองแห่งคูเวตเมื่อวันที่ 1 ส.ค. ที่ผ่านมา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อชี้แจงให้ประชาคมโลก รับทราบถึงนโยบายการต่างประเทศของไต้หวันในปัจจุบัน และการคุกคามด้านความมั่นคงปลอดภัยของจีน
รมว.อู๋ฯ ระบุว่า ในช่วงที่ผ่านมา นานาประเทศในประชาคมโลกต่างแสดงความห่วงใยต่อไต้หวัน ที่ต้องเผชิญหน้ากับพฤติกรรมการข่มขู่ด้วยกำลังทหารของรัฐบาลจีน โดยรัฐบาลจีนได้ส่งเครื่องบินรบข้ามเขตมาก่อกวนในเขตน่านฟ้าโดยรอบของไต้หวันอย่างไม่หยุดหย่อน นอกจากนี้ ทั่วโลกยังตระหนักเห็นว่า พฤติกรรมการทำลายเสถียรภาพในสองฝั่งช่องแคบไต้หวันของรัฐบาลจีน เป็นการท้าทายอย่างรุนแรงต่อสันติภาพและความสงบเรียบร้อยในภูมิภาคอินโด - แปซิฟิก โดยการประชุมระดับนานาชาติที่จัดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ประชาคมโลกต่างเน้นย้ำถึงความสำคัญในการรักษาสันติภาพและเสถียรภาพระหว่างสองฝั่งช่องแคบไต้หวัน อย่างเช่น การรวมกลุ่มเจรจาด้านความมั่นคงปลอดภัยระหว่างภาคี 4 ประเทศ (QUAD) การประชุมสุดยอดผู้นำระหว่างสหรัฐฯ – ญี่ปุ่น สหรัฐฯ – เกาหลีใต้ และการประชุมสุดยอดผู้นำ EU – ญี่ปุ่น รวมถึงการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของกลุ่มประเทศ G7 เป็นต้น แสดงให้เห็นว่า ประเด็นปัญหาระหว่างสองฝั่งช่องแคบไต้หวันมิได้เป็นเพียงปัญหาระหว่างสองฝั่งช่องแคบไต้หวันเท่านั้น แต่ยังเป็นประเด็นที่นานาประเทศทั่วโลกร่วมให้ความสำคัญเป็นอย่างมากอีกด้วย
ในด้านความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ รมว.อู๋ฯ เน้นย้ำว่า สหรัฐฯ ถือเป็นพันธมิตรและหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ที่หนักแน่นของไต้หวันมาเป็นระยะเวลานาน โดยรัฐบาลสหรัฐฯ ได้ยืนยันต่อคำมั่นที่ให้ไว้กับไต้หวันใน “กฎหมายความสัมพันธ์ไต้หวัน” และ“หลักประกัน 6 ประการ” อย่างหนักแน่น
รมว.อู๋ฯ ยังได้ชี้แจงเพิ่มเติมว่า ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ รวมถึงบทบาทการจัดหาพลังงานของภูมิภาคตะวันออกกลาง ถือได้ว่ามีความสำคัญต่อไต้หวันเป็นอย่างมาก โดยไต้หวันได้เร่งผลักดันความร่วมมือและเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีกับรัฐบาลและประชาชนในแต่ละประเทศของรัฐอาหรับอย่างกระตือรือร้น นอกจากนี้ บุคลากรด้านต่างๆ ของไต้หวันก็ยินดีที่จะประสานความร่วมมือกับรัฐบาลคูเวตและนานาประเทศในตะวันออกกลาง ภายใต้กรอบความร่วมมือและฝึกอบรมนานาชาติ (Global Cooperation and Training Framework, GCTF) ทั้งในด้านสาธารณสุข เทคโนโลยีสารสนเทศ การบรรเทาสาธารณภัย ความร่วมมือด้านพลังงาน การส่งเสริมศักยภาพสตรี เศรษฐกิจดิจิทัล และความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ เป็นต้น
สถาบันวิจัย Reconnaissance Research ก่อตั้งขึ้นในเดือนเมษายน ปี 2019 เป็นคลังสมองภาคเอกชนแห่งแรกของคูเวต ส่วนนสพ. Arab Times เป็นหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษฉบับแรกของคูเวตหลังได้รับเอกราช โดยมีการนำเสนอข่าวที่เปี่ยมด้วยมุมมองและความคิดเห็นที่หลากหลาย อีกทั้งยังมีบทบาทสำคัญต่อกลุ่มผู้มีอำนาจในการกำหนดนโยบายของแต่ละประเทศในรัฐอาหรับอีกด้วย
