ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 2 ก.ย. 64

เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 2 ก.ย. ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้เดินทางเข้าร่วม “การประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสมาพันธ์แพทย์ในภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย ครั้งที่ 35” (the 35th General Assembly of the Confederation of Medical Associations in Asia and Oceania, CMAAO) โดยปธน.ไช่ฯ เน้นย้ำว่า ทั่วโลกกำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ประชาคมโลกจึงจำเป็นต้องประสานความร่วมมือระหว่างกัน ซึ่งไต้หวันเป็นหนึ่งในประเทศสมาชิกที่ขาดไม่ได้ในเครือข่ายความร่วมมือด้านการป้องกันโรคระบาดทั่วโลก โดยไต้หวันจะให้ความช่วยเหลือในการรับมือกับผลกระทบจากโรคระบาดอย่างต่อเนื่องและเต็มกำลัง ปธน.ไช่ฯ คาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่า CMAAO จะสามารถขยายความร่วมมือในระดับภูมิภาค เพื่อส่งเสริมให้เกิดการประสานความร่วมมือในการรับมือกับความท้าทายด้านสาธารณสุข ตลอดจนปรับปรุงคุณภาพด้านการแพทย์และสาธารณสุขให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
 
ปธน.ไช่ฯ กล่าวขณะปราศรัยว่า หลายสิบปีมานี้ CMAAO ได้มุ่งมั่นในการเสริมสร้างความร่วมมือด้านสาธารณสุข พร้อมยกระดับคุณภาพทางการแพทย์ควบคู่ไปด้วย โดยปธน.ไช่ฯ ได้ใช้ในโอกาสนี้ในการยกย่องและแสดงความนับถือต่อทุกท่าน ที่ร่วมอุทิศคุณประโยชน์ให้กับแวดวงการแพทย์และสาธารณสุขด้วยใจจริง
 
นอกจากบรรดาแพทย์ไต้หวันจะให้บริการด้านการรักษาที่มีคุณภาพแล้ว ยังนำพาไต้หวันก้าวสู่สังคมโลกอีกด้วย โดยการประชุมในครั้งนี้และการทุ่มเทในภารกิจที่เกี่ยวข้องกับกับ CMAAO มาเป็นเวลายาวนานของกลุ่มผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์  คือบทพิสูจน์ที่คณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญร่วมสร้างคุณูปการที่ยอดเยี่ยมให้กับไต้หวัน
 
ตลอดช่วงที่ผ่านมา ไต้หวันได้แสดงให้ประชาคมโลกเห็นถึงหลักการ “ไต้หวันช่วยได้” (Taiwan Can Help) อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งไต้หวันถือเป็นประเทศสมาชิกที่ขาดไม่ได้ในเครือข่ายความร่วมมือด้านการป้องกันโรคระบาดทั่วโลก โดยไต้หวันจะให้ความช่วยเหลือในการรับมือกับผลกระทบจากโรคระบาดอย่างเต็มกำลังต่อเนื่อง กอปรกับในปีนี้ ดร. ชิวไท้หยวน นายกสมาคมการแพทย์ไต้หวัน (Taiwan Medical Association, TMA) รับหน้าที่เป็นประธานการประชุม CMAAO ในครั้งนี้ ทำให้การประชุมในครั้งนี้เปี่ยมด้วยความหมายที่พิเศษยิ่ง ถือเป็นโอกาสที่ดีที่ไต้หวันจะสามารถอุทิศคุณประโยชน์ที่มากขึ้นให้กับประชาคมโลกต่อไป
 
นอกจากนี้ ในระหว่างการประชุมในครั้งนี้จะมีการลงมติผ่านแถลงการณ์ 1 ฉบับ โดยมีเป้าหมายที่จะส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือในระดับภูมิภาค เพื่อรับมือกับสถานการณ์โรคระบาดในอนาคตต่อไป